svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

ลงทุนสินทรัพย์ไหนดี "ปีมังกร" ยุคเริ่มต้น "ดอกเบี้ย" ขาลง

ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาทิศทางดอกเบี้ยโลกที่อยู่ระดับสูง โดยเฉพาะสหรัฐฯ ได้กดดันการลงทุนทุกสินทรัพย์มาโดยตลอด แต่ในปีมังกรนี้เงินเฟ้อที่เริ่มทยอยปรับลดลง ขณะที่เฟดเริ่มส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยสู่ขาลงสินทรัพย์ไหนน่าจะให้ผลตอบแทนการลงทุนสูงกันบ้าง ตามไปดูกันเลย

ปัจจัยสำคัญที่คอยกดดันการลงทุนทุกสินทรัพย์มาโดยตลอดในช่วงกว่า 3 ปีที่ผ่านมา คือ อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับเพิ่มดอกเบี้ยขึ้นจาก 0.00%-0.25% มาเป็น 5.25% - 5.50%

อย่างไรก็ดีในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 66 ที่พึ่งผ่านพ้นไป หลังจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ ฯ ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง และธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่าดอกเบี้ย ณ ระดับปัจจุบัน น่าจะเป็นระดับสูงสุดแล้ว ส่งผลให้ผลตอบแทนของทั้งตลาดหุ้นและตราสารหนี้ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เป็นอย่างดี

ลงทุนสินทรัพย์ไหนดี "ปีมังกร" ยุคเริ่มต้น "ดอกเบี้ย" ขาลง

ตัดภาพมาที่ปี 67 คำถามสำคัญของนักลงทุนก็คือ หากอัตราดอกเบี้ยผ่านจุดสูงสุดไปแล้วจริง ๆ สินทรัพย์ไหนที่น่าจะเหมาะสมกับการลงทุนและสามารถคาดหวังผลตอบแทนได้ดีในปี 2024 นี้
    ซึ่งหากเป็นการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐ ฯ แล้ว สินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจและมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดี ในช่วงภาวะดอกเบี้ยน่าจะเริ่มกลับทิศเป็นขาลงเหมือนในปัจจุบัน คือ ตราสารหนี้ที่ราคาจะแปรผกผันกับอัตราดอกเบี้ย

โดยในช่วงที่ดอกเบี้ยเริ่มกลับทิศเป็นขาลง นอกจากนักลงทุนจะได้ผลตอบแทนจากดอกเบี้ยรับแล้ว ยังจะได้ผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของดอกเบี้ยอีกด้วย

อย่างไรก็ดี ความเสี่ยงที่น่าจะเป็นประเด็นสำคัญในปีนี้ของสหรัฐฯ คือภาวะเศรษฐกิจที่มีโอกาสเติบโตได้ชะลอลง ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงขั้นเกิดภาวะถดถอยรุนแรงก็ตาม ดังนั้นการเลือกตราสารหนี้ที่เข้าลงทุน ควรเน้นไปที่การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หรือ หากเป็นตราสารหนี้ภาคเอกชนก็ควรจะเป็นตราสารหนี้ที่มีการจัดลำดับความน่าเชื่อถือสูง เพื่อลดความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ลง

ส่วนการลงทุนในประเทศไทยเอง หากเป็นการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนหรือหุ้นกู้ จะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมามีข่าวว่าหลายบริษัทเริ่มมีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ ดังนั้นในสถานการณ์ที่ดอกเบี้ยเป็นขาลง   การลงทุนในประเทศไทย อาจจะต้องเปลี่ยนมาเป็นสินทรัพย์อื่นที่มีลักษณะการให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน

โดยการลงทุนในตลาดหุ้นไทยในกลุ่มที่มีการจ่ายเงินปัน ผลสูง ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากตลาดหุ้นไทย โดยรวมเองยังไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีเหมือนตลาดหุ้นในหลายประเทศ และในปี 66 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย คือหนึ่งในตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนต่ำที่สุดในโลก

แต่ปีนี้มีหลายปัจจัยที่จะส่งผลบวกกับหุ้นไทย อาทิ เศรษฐ กิจที่น่าจะเริ่มดีขึ้น จากภาคการส่งออกที่มีโอกาสฟื้นตัว ภาคการท่องเที่ยวที่น่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพิ่มมากกว่าปี 66 การเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่น่าจะกลับมาเป็นปกติในปีนี้ หลังจากล่าช้าจากการตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าในปี 66

นอกจากนี้กำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยเองก็มีโอกาสกลับมาเติบโตได้ดีในปี 2024 นี้ ซึ่ง บริษัท หลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด คาดว่ากำไรต่อหุ้นของบริษัทจดทะ เบียนในตลาดหุ้นไทยจะเติบโตได้ดีถึง 16% 

ส่วนการเลือกลงทุนในหุ้นปันผลสูงนอกจากจะเป็นการลง ทุนในหุ้นที่มีผลการดำเนินงานที่ดี สะท้อนมาที่ความสามา รถจ่ายเงินปันผลแล้ว ยังถือเป็นการลงทุนในบริษัทที่มีโอ กาสรับเงินปันผลสูงกว่าการจ่ายปันผลของตลาดหุ้นโดยรวม

อย่างไรก็ตาม หากดูจากการคาดการณ์การจ่ายเงินปันผลของบริษัทที่อยู่ในดัชนี SET High Dividend 30 Index (SETHD) ในช่วงระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า คาดว่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ราว 4.6%  ขณะที่การจ่ายเงินปันผลของบริษัททั้งหมดที่อยู่ใน SET Index ในช่วงระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ราว 3.1% เท่านั้น (ข้อมูลจาก Bloomberg ณ วันที่ 10 มกราคม 66)

นอกจากนี้หากดูจากผลตอบแทนระยะยาวช่วง 5 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า หากดูการเปลี่ยนแปลงของแต่ละดัชนี SET Index (-11.3%)   SETHD (-6.5%) นั่นแสดงให้เห็นว่าผลตอบแทนจากการเปลี่ยนแปลงของราคาแต่เพียงอย่างเดียวนั้นหุ้นปันผลสูงให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

แต่หากดูจากผลตอบแทนของดัชนีที่มีการคำนวณรวมการจ่ายเงินปันผลเข้าไปแล้วด้วยนั้นพบว่า ดัชนี SET Total Return Index (SET TRI) (+2.89%) และ SETHD TRI (+13.23%) แสดงให้เห็นว่าหากลงทุนแล้วนำเงินปันผลไปลงทุนต่ออย่างต่อเนื่องนั้น มีโอกาสจะให้ผลตอบแทนในระยะยาวที่ดีกว่า 

ซึ่งหากนักลงทุนที่รู้สึกว่าการต้องนำเงินปันผลกลับเข้าไปซื้อหุ้นในแต่ละตัวเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก ก็สามารถลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นปันผลสูง แต่ไม่มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลออกมาให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน โดยนำเงินปันผลกลับเข้าไปลงทุนต่ออย่างต่อเนื่องได้ด้วยเช่นเดียวกัน

 นี่ก็คือ 2 สินทรัพย์ที่น่าจะเหมาะสมกับการลงทุนในปีนี้ ซึ่งเป็นยุคเริ่มต้นของดอกเบี้ยที่จะเริ่มเปลี่ยนมาเป็นขาลง ก็คือ ตราสารหนี้ต่างประเทศ และ หุ้นกลุ่มปันผลสูงในไทย นั่นเอง....

ที่มาบทความ : โดย สวภพ ยนต์ศรี

AFPT™ Senior Wealth  Manager  บลจ.ทิสโก้