นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยถึงทิศทางราคาทองคำในสัปดาห์หน้ากับ Nation Online ว่า ราคาทองคำช่วงเดือนม.ค.ที่ผ่านมาปรับตัวลงประมาณ 41 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีปัจจัยกดดันจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. และคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนพ.ค. หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ย
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
อาจมีการส่งสัญญาณพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.50% ต่อปี เพื่อช่วยบรรเทาภาระของภาคประชาชน และภาคธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ทรงตัวอยู่ในระดับสูง มีผลกระทบทั้งประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบธุรกิจ ในขณะที่ปัจจุบันมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำหรับแนวโน้มทิศทางทองคำเป็นการแกว่งตัวในกรอบแบบ Sideway แรงกดดันจากสหรัฐฯ ตรึงดอกเบี้ยระดับสูงอีกนาน แต่ราคาทองคำช่วงตรุษจีน มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยทองคำถูกใช้เป็นของขวัญในช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน ตามข้อมูลของสภาทองคำโลกที่ชี้ว่า ความต้องการซื้อทองคำในจีนจะพุ่งขึ้นในช่วง 6 สัปดาห์ ก่อนเทศกาลตรุษจีน
สอดคล้องกับรายงานถึงค่าพรีเมียมทองคำในจีนและฮ่องกงที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนม.ค. ทั้งนี้ นักลงทุนหวังว่ารัฐบาลจีนมีโอกาสออกมาตราการกระตุ้นเศรษฐ กิจ เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจจีนชะลอตัวลง เป็นของ ขวัญก่อนช่วงตรุษจีน
กลยุทธ์การลงทุน
ราคาแกว่งตัวในกรอบในทิศทาง Sideway โดยราคายังคงยกระดับต่ำสุดขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า แสดงให้เห็นว่า แรงซื้อยังคงอยู่ในระดับสูง แนะนำหาจังหวะเปิดสถานะซื้อบริเวณแนวรับ 2,036-2,017 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับ 2,017 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
ทั้งนี้ ควรเน้นการลงทุนระยะสั้น เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้นทยอยปิดสถานะซื้อทำกำไร ประเมินแนวต้านแรกที่ 2,069 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวต้านถัดไปที่ 2,088 ดอลลาร์ต่อออนซ์ 2,105 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวรับแรกที่ 2,036 ดอล ลาร์ต่อออนซ์ แนวรับถัดไปที่ 2,017 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวต้านสุดท้ายที่ 2,001 ดอลลาร์ต่อออนซ์