นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยกับ Nation Online ว่า เงินบาทสัปดาห์หน้าเคลื่อนไหวในกรอบ 33.50 - 34.20 บาทต่อดอลลาร์ โดยแนวโน้มเคลื่อนไหวไปตามทิศทางของทั้งเงินดอลลาร์และราคาทองคำ
ซึ่งต้องปัจจัยที่ต้องติดตามคือ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BOE) และรายงานการประชุมล่าสุดของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) รวมถึงปัจจัยการเมืองสหรัฐฯ ในประเด็นการเจรจาขยายเพดานหนี้ (Debt Ceiling) หากยืดเยื้อจะเป็นปัจจัยที่กดดันบรรยากาศในตลาดการเงิน-ตลาดทุนได้
สำหรับปัจจัยในประเทศ เรามองว่าต้องจับตา ทิศทางเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติทั้งตลาดหุ้นและตลาดบอนด์ เนื่องจากจะเริ่มเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง โดยปกตินักลงทุนต่างชาติจะอยู่ในภาวะ wait and see เพื่อรอผลการเลือกตั้ง ทำให้ฟันด์โฟลว์ในส่วนของหุ้นนั้นอาจไม่ได้มีทิศทางที่ชัดเจน นอกจากนี้ ควรจับตาปริมาณธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ เพื่อจ่ายปันผลให้กับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง
ส่วนสหรัฐฯ ไฮไลท์สำคัญ คือ รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ รวมถึง รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน (U of Michigan Consumer Sentiment) นอกจากนี้ ตลาดจะรอจับตาถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประเมินแนวโน้มนโยบายการเงินของเฟดในระยะถัดไป
ขณะที่ยุโรป ตลาดจะรอจับตาผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) และถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) หลังจากที่ ECB ได้เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยนโยบายและยังส่งสัญญาณพร้อมเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
ทางด้านเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ผ่านรายงานยอดการส่งออกและนำเข้า นอกจากนี้ ตลาดจะรอจับตารายงานการประชุมล่าสุดของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) หลังจากที่ BOJ ได้ย้ำจุดยืนใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายต่อ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายก็ตาม ส่วนในฝั่งไทย ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) รวมถึงรอลุ้นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียน
ธนาคารกสิกรไทยระบุว่า มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์หน้าที่ระดับ 33.80-34.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์แบงก์ และปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ทิศทางเงินทุนต่างชาติและการเคลื่อนไหวของสกุลเงินในภูมิภาค
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย. ดัชนีความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในมุมมองของผู้บริโภคเดือนพ.ค. (เบื้องต้น) ตลอดจนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามผลการประชุม BOE และตัวเลขเศรษฐกิจเดือนเม.ย.ของจีน อาทิ ข้อมูลการส่งออก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวน