นายวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จํากัด เปิดเผยกับ Nation Online ว่า ทองคำมีแรงซื้อเพิ่มขึ้นหลังจากราคาอ่อนตัวลงทดสอบกรอบแนวรับด่านล้างของทิศทาง Sideway
ทั้งนี้ หากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับที่ 1,975-1,969 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจมีแรงซื้อทำกำไรระยะสั้นเข้ามาดันให้ราคาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง แนะนำรอเปิดสถานะซื้อ เพื่อทำกำไรระยะสั้นหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับดังกล่าว โดยสถานะซื้อ ตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับ 1,949 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รอปิดสถานะซื้อทำกำไรหากการดีดตัวขึ้นไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้าน 2,008-2,014 ดอลลาร์ต่อออนซ์
“ หากราคาทองคำดีดปรับตัวขึ้นแนะนำให้ขายทำกำไรบางส่วนออกไปก่อน และเมื่อย่อพักตัวค่อยกลับมาซื้อใหม่ โดยทองคำมีโอกาสฟื้นตัว ถ้าธนาคารกลางหรัฐหรือเฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ”
สำหรับปัจจัยที่ติดตามสถานการณ์ราคทองคำในสัปดาห์นี้ประกอบด้วย
- ปริมาณการซื้อขายทองคำในตลาดเอเชีย และ ยุโรป อาจเบาบางลง เนื่องเพราะตลาดเงินตลาดทุนในบางประเทศหยุดทำการในวันจันทร์ที่ 1 พ.ค. ในวันแรงงาน เช่น ไทย จีน ฮ่องกง เยอรมนี อิตาลี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์
- สำหรับนักลงทุนใน ตลาดอนุพันธ์ประเทศไทย หรือ TFEX ที่รับความเสี่ยงได้น้อยแนะนำให้ชะลอการลงออกไปก่อนเนื่องจากตลาด TFEX จะหยุดทำการหลายวันในสัปดาห์นี้ โดย วันจันทร์(วันแรงงาน) ตลาด TFEX ปิดทำการ และ กลับมา เปิดทำการในวันอังคาร และวันพุธ และจะ ปิดทำการอีกครั้งในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ (วันฉัตรมงคลและ วันหยุดพิเศษ) ส่งผลให้จะเกิดความเสี่ยงเนื่องจากทองคำตลาดโลกยังเปิดทำการปกติ
- จับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีการจัดประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 2-3 พ.ค. FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25%
- การเปิดเผยตัวเลขสหรัฐ เช่น การจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย. จาก ADP และ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน,รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง
- การประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ซึ่งมีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อในการประชุมเดือนพ.ค. เมื่อนายฟิลิป เลน สมาชิกคณะกรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB) กล่าวกับหนังสือพิมพ์เลอ มองเดอของฝรั่งเศสว่า ECB จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมนโยบายครั้งนี้ ขณะที่นางอิซาเบล ชนาเบล กรรมการ ECB กล่าวกับสำนักข่าวโพลิติโคว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน 0.50% ยังอยู่ในกรอบการพิจารณา
- ความพยายามผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางสหรัฐ หลังสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 217 ต่อ 215 ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว แต่รวมถึงมาตรการปรับลดการใช้จ่ายในช่วง 10 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวอาจจะไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา และประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะใช้สิทธิ์วีโต (veto) เพื่อคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวหากผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา ซึ่งกระทรวงการคลังสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ หากสภาคองเกรสไม่อนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้