svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

เปิดโผ 6 หุ้นเด่น "พื้นฐานแกร่ง-กำไรเติบโต" ตัวไหนน่าซื้อเก็งกำไร

23 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

โบรกมองหุ้นทนสัปดาห์นี้กลับมาฟื้นตัว เหตุปัจจัยพื้นฐานบริษัทจดทะเบียนไทยไม่ได้แย่  ขณะที่ Valuation ไม่แพง จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะจีดีพี-เงินเฟ้อ -การประกาศงบกลุ่มเรียลเซกเตอร์  ปักหมุด 6 หุ้นเด่นพื้นฐานแกร่ง-กำไรเติบโต

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้กับ Nation Online ว่า คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อจากสถาบัน S&P Global ที่รวมภาคผลิตและภาคบริการออกมาที่ 53.5 ดีกว่านักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ 52.8

ขณะเดียวกันได้รายงาน PMI เบื้องต้นสำหรับภาคผลิตและบริการที่ 50.4 และ 53.7 ตามลำดับ ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ที่ 49 และ 51.5 ตามลำดับ ภายหลังจากรายงานตัวเลขเศรษฐ กิจที่ดีกว่าคาดหมายพบว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯอายุ 2 และ 10 ปีปรับขึ้น แต่ Dollar Index อ่อนค่าเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม ความเห็น CME FED Watch ยังให้น้ำหนักเท่าเดิมราว 89% ที่การประชุมเดือน พ.ค. FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% สะท้อนว่าแม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะออกมาดีกว่าคาดหมายไว้แต่มุมมองดอกเบี้ยของตลาดมิได้เปลี่ยนแปลงมากนัก

ส่วนสัปดาห์นี้ในแง่ของตัวเลขเศรษฐกิจนักลงทุนจะให้น้ำหนักกับ 1. ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯในวันอังคาร (CB) Bloomberg ประเมินไว้ที่ 104  2. การประกาศ GDP ของสหรัฐฯในวันพฤหัสประจำงวด 1Q23 Bloomberg ประเมินไว้ที่ 2%QoQ 3. วันศุกร์สหรัฐฯมีกำหนดรายงานเงินเฟ้อ (Core PCE) Bloomberg ประเมินไว้ที่ 0.3%MoM และ 4.5%YoY หากรายงานต่ำกว่าประเมินไว้จะยิ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้น

ส่วนในประเทศเน้นที่ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนโดยผลประกอบการกลุ่ม Bank ในสัปดาห์ก่อนกำไรรวมกันอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท (+13.4%YoY) ได้แรงหนุนจากการตั้งสำรองที่ลดลง รายได้ค่าธรรมเนียมที่ดีขึ้น รายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ดีขึ้นตามภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น ในแง่ของ Stark ทั้ง KBANK , SCB ออกมายืนยันแล้วว่าได้มีการตั้งสำรองที่เพียงพอแล้ว ดังนั้นเบื้องต้นถือว่าปัจจัยพื้นฐานบริษัทจดทะเบียนไทยมิได้แย่ ในขณะที่ Valuation ก็มิได้แพงมากนัก

ทั้งนี้ยังคงมุมมองมีโอกาสที่ SET INDEX จะกลับมาฟื้นตัวได้ โดยสัปดาห์นี้ประเมิน SET เคลื่อนไหวในกรอบ 1,550 – 1,575 เชิงกลยุทธ์การลงทุนยังมองการปรับฐานเป็นโอกาส Trading เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่มิได้แย่แต่เน้นกลยุทธ์เลือกหุ้น Top Pick เลือก KBANK (TP 160 bt) SCB (TP 122 Bt) HMPRO (TP 18 Bt)

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้กับ Nation  Online ว่า แกว่งไซด์เวย์ โดยมีแนวรับแรกที่  1,543 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,518 จุด  แนวต้านที่ 1,572 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,586 จุด

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือ สภาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝรั่งเศสมีกำหนดการเยือนไต้หวัน  24 เม.ย. อาจทำให้ความตึงเครียดไต้หวันกับจีนเพิ่มขึ้น การรายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/66 ของสหรัฐฯ ในวันที่ 27 เม.ย.นี้ คาดโต 2% QoQ  วันที่ 29 เม.ย.จีดีพีไตรมาส 1/33 ของยุโรปคาด -0.1% QoQ   การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือ  BOJ ครั้งแรกในสมัยของผู้ว่า Kazuo Euda ตลาดคาดจะคงนโยบายการเงิน Dovish คือ YCC และคงดอกเบี้ยฯที่ -0.1%

ส่วนภายในประเทศวันที่ 24 เม.ย. ติดตามยอดส่งออกไทย ตลาดคาด -16.1%YoY   และยอดนำเข้าคาด -5.1%YoY  ส่วนดุลการค้าตลาดคาด  -1.0 พันล้านเหรียญ  ขณะที่วันที่  25 เม.ย. กกพ. เคาะปรับลดค่า Ft งวดพ.ค.-ส.ค.66 ลดลงจาก 4.77 บาท เหลือ 4.70 บาท  หากปรับประเมิน  เป็น Sentiment ลบต่อหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่บวกต่อหุ้นที่ใช้ไฟ อาทิ กลุ่มโรงแรม, ร้านอาหาร, กลุ่มค้าปลีก

ขณะเดียวกันให้ติดตามการประกาศงบ 1/66  ฝั่ง Real Sector คาด 25 เม.ย. SCGP  KCS คาดกำไรสุทธิที่ 1,025 ล้านบาท +128%QoQ, -38.2%YoY , 26 เม.ย.  BH เราคาดกำไรสุทธิ  1,570 ล้านบาท +1.6%QoQ, 116.5%YoY    และ  SCC คาดกำไรสุทธิ  3,618 ล้านบาท +2,201%QoQ, -59.1%YoY   

หลังจากกลุ่มธนาคารประกาศงบออกมา อยู่ที่  4.93 หมื่นล้านบาท  ดีกว่าที่ตลาดคาด 10.4%  แข็งแกร่งทั้งรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย, รายได้ค่าธรรมเนียม-ฯลฯ ทำให้คาดหวังจะเห็นงบกลุ่ม Domestic ออกมาดีในระยะถัดไป

ส่วนหุ้นเด่นสัปดาห์นี้แนะนำ  CRC(TP50) : การบริโภคคึกคัก ท่องเที่ยวฟื้น  ค่าไฟมีโอกาสลงและการเลือกตั้งใกล้เข้ามา

หุ้นถัดมาคือ  AMATA(TP25) : รับประโยชน์ย้ายฐานการผลิตจาก Geopolitical risk + มีแผน Spin-off ธุรกิจสาธารณูปโภค

หุ้นเด่นตัวสุดท้ายคือ  BBL(TP200) : งบดีทั้งจากรายได้, NPL, คุณภาพสินทรัพย์แกร่ง และความเพียงพอสำรองมากสุดในกลุ่ม

logoline