svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

ส่อง 7 หุ้นเด่น ! มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวไหนพร้อมวิ่ง

16 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

โบรกมองหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งไซด์เวย์อัพ หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัว -จีดีพีไตรมาส 1/66 ตลาดเกิดใหม่ในเอเชียออกมาโดดเด่นกว่าประเทศพัฒนาแล้ว  จับตาประกาศงบแบงก์ บล.พายคาดกำไร 4.4 หมื่นล้านบาท คัด 7 หุ้นเด่น

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์  ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรีพัฒนสิน เปิดเผยทิศทางตลาดหุ้นไทยหลังสงกรานต์กับ Nation Online ว่า หุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์-ไซด์เวย์อัพ ประเมินแนวรับแรก 1,580 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,569 จุด แนวต้านที่ 1,615 จุด และแนวต้านถัดไปที่ 1,624 จุด เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เห็นภาพเพิ่มแบบชะลอลงตามตลาดคาด

นอกจากนี้ให้ติดตามภาวะเศรษฐกิจ หากสหรัฐฯและยุโรปไม่ส่งสัญญาณถดถอยแรงดัชนียังไปต่อ ส่วนตลาด EM Asia ออกมาเด่นกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ผ่านภาพรายงาน GDP งวดไตรมาส 1/66 รวมถึงยอดค้าปลีก มี.ค. ที่ตลาดคาดเริ่มฟื้นแบบเร่งขึ้น จะหนุนตลาดสัปดาห์นี้

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามคือ 18 เม.ย.ติดตามยอดค้าปลีกจีนเดือน มี.ค. ตลาดคาด +7.0%YoY GDP ไตรมาส 1/66 ตลาดคาด +3.8%YoY และยอดค้าปลีก มี.ค. ตลาดคาด +3.7% YoY ภาพดังกล่าวบวกต่อ หุ้นในกลุ่ม China Reopening รวมถึงติดตามยอดขออนุญาตสร้างบ้านใหม่ มี.ค. 23 ตลาดคาด -5.5% MoM  ยอดขายบ้านใหม่ มี.ค. ตลาดคาด -3.5% วันที่  20 เม.ย. สหรัฐฯประกาศยอดขายบ้านมือสอง ตลาดคาด -1.8% MoM

ส่วนหุ้นแนะนำสัปดาห์นี้  

•  KTC(TP100) : การบริโภคคึกคัก ผสานภาพบวกวงจรดอกเบี้ยปลายทาง   แนวรับแรก 54 บาท แนวรับถัดไป 53.25 บาท  แนวต้านแรก  57.5 บาท แนวต้านถัดไปที่ 58.75 บาท

•  MAKRO(Trading) : หุ้นลงมาอยู่ในจุดซื้อที่ดี ลุ้นซื้อรับภาพบวกการบริโภคคึกคัก+โอกาสเข้าดัชนี MSCI  แนวรับแรกที่  38 บาท  แนวรับถัดไปที่ 37 บาท  แนวต้านแรกที่ 40.75 บาท แนวต้านถัดไปที่ 41.5 บาท 

•  RJH(Trading) : ลุ้นหุ้นรับภาพบวกการปรับเพิ่มค่าหัวประกันสังคม  แนวรับแรกที่  28 บาท แนวรับถัดไปที่  27.25 บาท  แนวต้านแรกที่  30 บาท แนวต้านถัดไปที่ 31.50 บาท

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) เปิดเผยถึงทิศทางตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้กับ Nation Online ว่า สหรัฐฯรายงานตัวเลขสำคัญได้แก่1.ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ องค์ประกอบภายเริ่มส่งสัญญาณผ่อนคลายจากเงินเฟ้อฝั่งอสังหาฯลดลงเหลือ 0.6%MoM จากเดือนก่อนหน้าที่ 0.8%MoM

ราคาเครื่องแต่งกายเหลือ 0.3%MoM จาก 0.8%MoM ราคาอาหารเริ่มทรงตัวจากเดือนก่อนหน้าขยายตัว 0.4%MoM ขณะที่เงินเฟ้อทั่วไปขยายตัว 0.1%MoM จากเดือนก่อนหน้า 0.4%MoM

2. ดัชนีราคาผู้ผลิตขยายตัว 2.7%YoY ต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 3%YoY ในขณะที่รายเดือนหดตัวลง 0.5%MoM เทียบกับนักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะทรงตัว 3. ยอดค้าปลีกในสหรัฐฯ รายงานหดตัว 1% MoM เทียบกับนักวิเคราะห์ประเมินไว้หดตัว 0.5%MoM

ส่วนองค์ประกอบภายในพบสัญญาณการอ่อนแอจาก  ยอดซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์หดตัว 1.6% MoM  สินค้าอิเล็กทรอนิกส์หดตัว 2.1%MoM  ร้านขายของทั่วไปหดตัวลง 3%MoM โดยสินค้าที่ทรงตัวได้มีเพียงอาหารและของกินของใช้ ภายหลังจากรายงานตัวเลขทั้งหมดพบว่า CME FED Watch คาดการณ์ว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งที่ 0.25% ทดสอบระดับ 5.25% แต่ระดับข้างต้นจะเป็นจุดสูงสุดแล้ว

ซึ่งสอดคล้องกับรายงานผลประชุม FED เมื่อช่วงวันที่ 21-22 มี.ค. ที่สนับสนุนการขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งราว 0.25% และจะเริ่มพิจารณาถึงการระงับการปรับขึ้นดอกเบี้ย

สำหรับสัปดาห์นี้นักลงทุนจะให้น้ำหนักกับผลประกอบการภายในประเทศเริ่มต้นจากกลุ่ม Bank Bloomberg ประเมินว่ามี (TISCO, KKP, TTB ,KTC ,BBL, KBANK, KTB ,SCB) โดยเราคาดการณ์กำไรกลุ่ม Bank ไว้ที่ 4.4 หมื่นล้านบาท (+30%QoQ -1.7%YoY) การขยายตัว QoQ เป็นผลจากสำรองหนี้ที่และค่าใช้จ่ายที่ลดลง แต่หากพิจารณากำไรก่อนการตั้งสำรองจะพบว่าขยายตัว 1.2%QoQ และ 7.4%YoY ได้แรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิตามการปรับขึ้นดอกเบี้ย

ส่วนหลังจากกลุ่ม Bank จะตามมาด้วย Domestic Play ซึ่งเชื่อว่าผลประกอบการจะไม่แย่ตามการเปิดประเทศและการมาของนักท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยกระตุ้นเมื่อนำปัจจัยต่างประเทศไปประกอบ อาทิ การผ่อนคลายดอกเบี้ยกับเงินเฟ้อ จึงเชื่อว่าตลาดหุ้นยังมีทิศทาง Sideway Up โดยประเมินกรอบสัปดาห์นี้ที่ 1,580 – 1,620 จุด  เชิงกลยุทธ์การลงทุนยัง Trading ได้ Top pick เลือก BBL (TP 184) CPALL (TP 72) MINT (TP 41) AOT (TP 78)

logoline