svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

กนอ.ไฟเขียวนิคมฯ ปิ่นทองลงทุนส่วนขยายเพิ่ม 2.5 พันล้าน  

12 กุมภาพันธ์ 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กนอ. อนุมัติลงทุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) ส่วนขยาย จังหวัดชลบุรี พื้นที่กว่า 1 พันไร่ เม็ดลงทุนกว่า 2.5 พันล้านบาท สอดรับนโยบายพัฒนาพื้นที่ EEC ของรัฐบาล คาดเปิดดำเนินการได้ไตรมาส 4 ปี 2567

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ กนอ. มีมติอนุมัติขยายพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) ส่วนขยาย จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ประมาณ 1,155  ไร่ ที่ตำบลเขาคันทรง อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีสำ ใช้งบลงทุนประมาณ 2,500 ล้านบาท

ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้เกิดการยกระดับมาตรฐานระบบสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกของนิคมอุตสาหกรรม โดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย สู่การเป็นนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ (SMART I.E.) พื้นที่ประกอบการอัจฉริยะ (SMART I.Z.) เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ

พร้อมทั้งสร้างความได้เปรียบในกระบวนการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ รองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ลดความสิ้นเปลืองพลังงานและความสูญเสียของทรัพยากรที่มีจำกัด เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และหากอยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคลเพิ่มอีก 50% เป็นระยะ 5 ปีอีกด้วย 

"เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา นายธาดา สุนทรพันธุ์ รองผู้ว่าการ กนอ. และนายสุจินต์  เรียนวิริยะกิจ กรรมการบริษัท ปิ่นทอง อินดัสเตรียล ปาร์ค จำกัด (มหาชน) ลงนามบันทึกข้อตกลงเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาร่วมดำเนินโครงการฯ  เพื่อรองรับการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve และอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)" 

สำหรับโครงการ นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) ปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งสิ้น 1,540 ไร่ เมื่อรวมพื้นที่ส่วนขยายอีกประมาณ 1,155 ไร่ จะทำให้โครงการ นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง (โครงการ 5) มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,695 ไร่ คาดว่าพื้นที่ส่วนขยายจะสามารถเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาสที่ 4/2567

ทั้งนี้โครงการฯ มุ่งเน้นกลุ่มนักลงทุนเป้าหมายที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตเป็นหลัก เช่น อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์และอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วน โดยการออกแบบยังคงใช้แนวคิดพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town)

พร้อมทั้งจัดให้มีพื้นที่สีเขียว และพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการฯ รวมถึงให้ความสำคัญกับการจัดการพลังงานทดแทน (Renewable Energy) โดยมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) และการให้บริการไฟเบอร์ออพติกใต้ดินเพื่อการเชื่อมต่อความเร็วสูงในโครงการด้วย

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายนำน้ำทิ้งที่ผ่านการบำบัดแล้วมาใช้ใหม่ในโครงการฯ เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษ และเป็นการประหยัดพลังงาน ซึ่งจำเป็นต่อการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมของชุมชนโดยรอบ ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน 

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวฯ สอดรับกับนโยบายการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของรัฐบาล ที่วางเป้าหมายการลงทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาทในปี 2566

logoline