svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

เงินบาทแข็ง ! ทุบสถิติใหม่ในรอบ 10 เดือน

13 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"เงินบาท" เปิดตลาด 33.10 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าในรอบ 10 เดือนนับจาก มี.ค. 65 หลังตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวลงตามตลาดคาดการณ์ หนุนเฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงิน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่างินบาท เปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.10 บาทต่อดอลลาร์ “แข็งค่าขึ้น” ทุบสถิติใหม่รอบ 10 เดือน นับจากมี.ค. 65 เป็นผลมาจากการอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์ รวมถึงธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ

สำหรับวันนี้ภาวะตลาดเปิดรับความเสี่ยง เราประเมินว่า เงินบาท ก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นต่อได้บ้าง โดยมีโอกาสที่ค่าเงินบาทอาจแข็งค่าขึ้นทดสอบโซนแนวรับสำคัญ 33 บาทต่อดอลลาร์ (หลังจากที่เงินบาทแข็งค่าหลุดระดับ 33.25 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า)

นอกจากนี้บรรดาผู้ส่งออกอาจไม่ได้รีบเข้ามาขายเงินดอลลาร์ เพราะส่วนใหญ่อาจรอจังหวะให้เงินบาทอ่อนค่าลงบ้าง อาทิ อ่อนค่าใกล้โซน 33.50 บาทต่อดอลลาร์

อนึ่ง การเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ผันผวนสูงในช่วงที่ผ่านมาได้สะท้อนถึงความจำเป็นของการใช้เครื่องมือป้องกันความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้เราคงแนะนำ ผู้ประกอบการควรใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่หลากหลายมากขึ้น

โดยเฉพาะการใช้ Options ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงได้ดีในช่วงที่ตลาดผันผวนหนักมองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.00-33.30 บาทต่อดอลลาร์

รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่ชะลอตัวลงตามคาด ได้หนุนให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งเชื่อว่า เฟดอาจจะลดอัตราการขึ้นดอกเบี้ยเหลือเพียง +0.25% ในการประชุมเดือนกุมภาพันธ์ โดยล่าสุดผู้เล่นในตลาดให้โอกาสถึง 95% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพียง +0.25% และยังคาดการณ์ว่า เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยจนแตะระดับแถว 5.00% ก่อนที่จะปรับลดดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 4.50% ได้ในปลายปีนี้

ซึ่งมุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดได้หนุนให้ตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง (Risk-On) โดย ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวขึ้น +0.64% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.34%

ส่วนในทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.63% ตามการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคฯและหุ้นสไตล์ Growth (ASML +1.1%, Adyen +1.1%) หลังอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ชะลอลงตามคาด ทำให้ผู้เล่นในตลาดเชื่อว่าเฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน (BP +1.4%, TotalEnergies +1.1%) ตามการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดิบที่ล่าสุดได้แตะระดับ 78.3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับน้ำมันดิบ WTI และ ระดับ 83.8 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สำหรับน้ำมันดิบเบรนท์

ทางด้านตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ยิ่งคาดหวังให้ เฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้ส่งผลให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวต่อเนื่องสู่ระดับ 3.45% อย่างไรก็ตาม แม้พันธบัตรรัฐบาล โดยเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวจะเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและนโยบายการเงินที่ตึงตัวของบรรดาธนาคารกลางหลักอาจใกล้ถึงจุดสิ้นสุด

แต่บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ รวมถึงของไทย ได้ปรับตัวลงมาพอสมควรนับตั้งแต่ช่วงต้นปีนี้ ทำให้เรามองว่า นักลงทุนควรรอจังหวะให้บอนด์ยีลด์ระยะยาวมีการปรับตัวขึ้นบ้างในการทยอยเข้าซื้อสะสม มากกว่าการไล่ราคาซื้อ ในจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวลดลง

ด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ตามมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่าเฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อล่าสุดได้ชะลอตัวลงต่อเนื่อง โดยล่าสุด ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ได้ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 102.3 จุด ส่วนบรรดาสกุลเงินหลักต่างก็ปรับตัวแข็งค่าขึ้น อาทิ เงินยูโร (EUR) แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 1.086 ดอลลาร์ต่อยูโร

ส่วนเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ก็แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 129 เยนต่อดอลลาร์ นอกจากนี้ การปรับตัวลงของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ก.พ.) สามารถปรับตัวขึ้นทดสอบโซนแนวต้านแถว 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ตามที่เราประเมินไว้ก่อนหน้า และมองว่าธุรกรรมขายทำกำไรทองคำก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยหนุนให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค โดนมหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งหนึ่งในข้อมูลที่น่าสนใจ คือ รายงานคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะสั้นและระยะยาว (Inflation Expectations)

โดยหากคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภคทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่างปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดต่างมั่นใจในมุมมองที่เชื่อว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯจะชะลอตัวลงได้จริงและจะทำให้เฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย

logoline