svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

นักวิชาการ อ่านผลกระทบจากภาษีทรัมป์ หากไทยเปลี่ยน รมว.พาณิชย์

นักวิชาการสหรัฐฯ วิเคราะห์ผลกระทบต่อการเจรจาภาษีทรัมป์ หากรัฐบาลไทยปรับ ครม. หรือเปลี่ยนตัว รมว.พาณิชย์ เป็น “อนุทิน”

13 มิถุนายน 2568 ภายหลังจากสหรัฐฯ ตอบรับความพร้อมที่จะเจรจากับไทย เกี่ยวกับมาตรการภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทย(ภาษีทรัมป์) โดยอยู่ในกระบวนการกำหนดนัดวันเจรจา ท่ามกลางกระแสข่าวการ ปรับ ครม. ของรัฐบาลไทย

 

ล่าสุด นายกฤษฎา บุญเรือง นักวิชาการอิสระ จากรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เขียนบทความเรื่องผลกระทบต่อภาษีทรัมป์ หากไทยปรับคณะรัฐมนตรี ระบุว่า

 

ถ้าการปรับคณะรัฐมนตรี(ปรับ ครม.) เกิดขึ้นจริง และ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์(รมว.พาณิชย์)คนใหม่ หรือ ปรับเปลี่ยนกระทรวงอื่น เช่น กระทรวงต่างประเทศและกระทรวงการคลัง จะกระทบต่อการเจรจาภาษีตอบโต้ (reciprocal tariffs) ภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐอเมริกากับไทย(ภาษีสหรัฐ) ซึ่งรัฐบาลไทยในชุดปัจจุบัน ได้ดำเนินการอยู่และได้เสนอ 5 ข้อหลัก ซึ่งคาดว่าจะเจรจานอกรอบไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าจะได้โอกาสประชุมเป็นทางการโดยผู้แทนของทั้งสองฝ่ายในสหรัฐฯต้นเดือนกรกฎาคม ตามที่โฆษกรัฐบาลได้แถลงไว้ 

 

หลายกลุ่มย่อยในสภาผู้แทนฯและวุฒิสภาของสหรัฐฯ ซึ่งมาจากทั้งสองพรรคการเมือง (Democrat & Republican) และมีความเกี่ยวข้องกับนโยบายความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯกับไทยโดยตรง (The Thailand Club) ได้ประเมินว่า

1.ไทยอาจได้ต่อ 10% ไปอีกระยะหนึ่ง : อัตรา 10% ชั่วคราวในปัจจุบัน (จากเดิม 36% ที่ประกาศในวันที่ 2 เมษายน 2025 แต่เลื่อนไปจนถึงประมาณ 9 กรกฎาคม 2025) น่าจะได้รับการผ่อนผัน โดยเลื่อนเวลาออกไปอีก เช่น 30-90 วัน และคงอัตราเดิมที่ 10% หรืออาจขยับขึ้นเป็นอัตราอื่นเช่น 15% ก็ได้

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับบรรยากาศของการเจรจาในระหว่างนี้ โดยเจ้าหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย 

 

ซึ่งคล้องจองกับการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯได้ออกมาแถลงเมื่อวันที่ 11 มิถุนายนว่า “ประเทศใดก็ตามที่แสดงท่าทีชัดเจนว่ามีความจริงใจในการเจรจาก็จะได้รับการพิจารณาเลื่อนออกไปอีกค่อนข้างแน่นอน” 

(Treasury Secretary Scott Bessent signaled the Trump administration’s openness on Wednesday to extend President Donald Trump’s current 90-day tariff pause beyond July 9 for the U.S.′ top trading partners, as long as they show “good faith” in ongoing trade negotiations.)

นายกฤษฎา บุญเรือง นักวิชาการอิสระ จากรัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา

 

อย่างไรก็ตามทางไทย ควรระมัดระวังหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับไทยในช่วงเจรจานี้ หรือ ทำเนียบขาวอาจใช้กลวิธีอ้างเหตุผลอื่นๆ ประกาศนโยบายกดดันแปลกๆ เช่น ปรับเป็น 15% หรือตั้งเงื่อนไขอื่นๆโดยถือว่าจะเป็นเครื่องมือช่วยเจรจากับผู้นำคนใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ไทย 

 

2.ผู้นำคนใหม่ของกระทรวงพาณิชย์ไทย เป็นประเด็นสำคัญ ประเมินว่าผู้ตัดสินใจระดับสูงในทำเนียบขาว รวมทั้งกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์นั้น ให้ความสำคัญกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยคนใหม่  (โดยในห้วงนี้ มีการโฟกัสว่าอาจเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งทางสหรัฐฯมีข้อมูลมากแล้ว ต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เรื่อง ความใกล้ชิดเป็นการส่วนตัวกับจีน เรื่องวัคซีนสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่องการเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในอนาคต เรื่องความใกล้ชิดกับกลุ่มอำนาจนอกระบอบสภา ความสัมพันธ์กับธุรกิจใหญ่ รวมทั้งธุรกิจการก่อสร้างในครอบครัว คะแนนความนิยมต่ำในระดับประเทศ จากการประเมิน สส.รายชื่อครั้งที่แล้ว สมการอำนาจภายในพรรคภูมิใจไทยกับเลขาธิการพรรคและครอบครัว ฯลฯ)

 

3.เสถียรภาพของรัฐบาลแพทองธารสั่นคลอน ประเมินว่าเสถียรภาพของรัฐบาลไทย หลังจากปรับคณะรัฐมนตรีแล้ว จะมีโอกาสล่มสูงมาก และจะนำมาสู่การยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายในปีนี้ 2025 

 

เหตุจากความไม่พอใจจากการปรับคณะรัฐมนตรี โดยพรรคภูมิใจไทยน่าจะมีปฏิกิริยาตอบโต้ 

 

นอกเหนือจากนั้น ยังมีความสุ่มเสี่ยงสูงมาก เรื่องคดีต่างๆของสองพรรคหลักในรัฐบาลผสม คือพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ซึ่งอาจจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงสมดุลย์ของอำนาจภายในพรรคการเมืองและระหว่างพรรคการเมือง

 

4.เสถียรภาพของพรรคการเมืองสั่นคลอน พรรคการเมืองใหญ่ของไทยอาจถูกยุบ พรรคภูมิใจไทย-โดยเรื่องการฮั้ววุฒิสภาและหลักฐาน การเงิน หรือ การถูกตัดสินลงโทษผู้แทนราษฎรของพรรคประชาชนเป็นจำนวนประมาณ 25 คน 

หรือ การเปลี่ยนแปลงอำนาจของพรรคเพื่อไทย หากมีปัญหาทางกฎหมายของนายทักษิณ ชินวัตร

 

5.โอกาสเลือกตั้งใหม่ภายในปี 2025 เพิ่มขึ้นสูงมาก พรรคประชาชน (แม้มีจุดอ่อนเรื่องการขาดทรัพยากรการเงินและทรัพยากรมนุษย์) มีแนวโน้ม อาศัยกระแสความนิยมและความศรัทธา เรื่องไม่ฉ้อราษฎร์บังหลวง น่าจะถูกเลือกมาเป็นอันดับที่หนึ่ง 

 

ส่วนคะแนนเสียงจะเพียงพอเกิน 250 เพื่อเป็นรัฐบาลแต่ผู้เดียว หรือ ผสมกับพรรคการเมืองขนาดย่อย โดยหลีกเลี่ยงการผสมกับพรรคเพื่อไทยหรือภูมิใจไทย หรือมีการขัดขวางโดยอำนาจนอกระบบรัฐสภานั้น เป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป 

 

โอกาสที่พรรคประชาชนจะร่วมก่อตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทยนั้นมีน้อยมาก เป็นผลจากการผิดสัญญา MOU เดือนสิงหาคม 2023

 

ขณะเดียวกันพรรคภูมิใจไทยก็อาจไม่เหมาะสม เนื่องจากมีความเปราะบางและความขัดแย้งเรื่องอุดมการณ์ และนโยบายหลักหลายอย่าง

 

เปิด 5 ประเด็นที่ไทยเตรียมเจรจาภาษีสหรัฐ

 

1. ส่งเสริมความร่วมมือธุรกิจอาหารแปรรูปไทยและสหรัฐฯ มุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปร่วมกัน

 

2. เพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ โดยไทยมีแผนเพิ่มการนำเข้าสินค้าจำเป็น อาทิ พลังงาน (น้ำมันดิบ, LNG, อีเทน), เครื่องบินและชิ้นส่วน, อาวุธยุทโธปกรณ์ และผลิตภัณฑ์เกษตรอย่างข้าวโพด ถั่วเหลือง และเนื้อวัว ฯลฯ

 

3. เปิดตลาดและลดอุปสรรคทางการค้า การลดภาษีนำเข้าภายใต้ระบบ MFN จำนวน 11,000 รายการ ลง 14% รวมถึงการลดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs)

 

4. บังคับใช้กฎหมายถิ่นกำเนิดสินค้าเคร่งครัด ผ่านการบังคับใช้กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อแก้ปัญหาการสวมสิทธิ์

 

5. ส่งเสริมการลงทุนไทยในสหรัฐ ภาครัฐสนับสนุนการขยายการลงทุนของเอกชนไทยในสหรัฐ โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน และการลงทุนฟาร์มเกษตรขนาดใหญ่