svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

‘พิชัย’ ถกผู้ว่า ธปท. ยันไม่คิดใช้เงินทุนสำรอง-แทรกแซงค่าเงิน

‘พิชัย’ นัดถกผู้ว่าแบงก์ชาติวันนี้ แลกเปลี่ยนความเห็นผลกระทบการเงินที่เกิดจากนโยบายทรัมป์ ปัดไม่มีแนวคิดนำเงินทุนสำรองมาใช้ ย้ำไม่มีนโยบายแทรกแซงค่าเงิน

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะหารือร่วมกับ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) วันนี้ (16 เม.ย.) เวลา 16.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเตรียมรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากสถานการณ์โลก และแลกเปลี่ยนความเห็นแนวทางการรับมือนโยบายภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ 

นายพิชัย กล่าวว่า นโยบายภาษีของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อภาคการเงินเช่นกัน ดังนั้นประเด็นที่จะหารือกับผู้ว่าแบงก์ชาติวันนี้ คือขออความเห็นท่านว่าทางแบงก์ชาติมองเรื่องนี้อย่างไร และมีแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินต่อไปอย่างไรบ้าง ขณะเดียวกันฝั่งกระทรวงการคลังจะมีการบอกเล่าความคืบหน้าว่าภาครัฐมีแนวทางรับมือเรื่องนี้อย่างไร เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันเป็นทีม
 

‘พิชัย’ ถกผู้ว่า ธปท. ยันไม่คิดใช้เงินทุนสำรอง-แทรกแซงค่าเงิน

ขณะนี้ รัฐบาลจับตาดูทิศทางการดำเนินนโยบายของต่างประเทศอย่างใกล้ชิด เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงไปมา ทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยและผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินนโยบายการเงินของไทยค่อนข้างนิ่ง โดยมีการเก็บเงินสำรองระหว่างประเทศแบบรวมศูนย์ที่ ธปท. อีกทั้งวิธีการบริหารที่ไม่หวือหวา ประเทศไทยยังไม่มีการขายพันธบัตรสหรัฐ ซึ่งธปท. ก็คงวิเคราะห์ว่าจะทำอย่างไรต่อ แต่เบื้องต้นยังไม่มีการขาย แปลว่าเรายังยึดนโยบายและเชื่อมั่นในสหรัฐ

‘พิชัย’ ถกผู้ว่า ธปท. ยันไม่คิดใช้เงินทุนสำรอง-แทรกแซงค่าเงิน

นายพิชัย กล่าวว่า ไม่มีความคิดที่จะนำเงินสำรองระหว่างประเทศมาใช้ เพราะเงินสำรองที่มีอยู่ใช้เพื่อสนับสนุนสภาพคล่องในการนำเข้าและส่งออกสินค้า ยืนยันว่าไม่มีนโยบายที่จะนำเงินสำรองระหว่างประเทศมาใช้ ซึ่งเวลารัฐจะทำนโยบายอะไรก็จะดำเนินการผ่านกระบวนการงบประมาณ เช่น การเพิ่มขาดดุลงบประมาณ ส่วนค่าเงินบาท ยืนยันว่าไม่มีแนวทางจะไปแทรกแซงค่าเงินบาท ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แต่แน่นอนว่าในฐานะการเป็นภาคการส่งออกค่าเงินบาทอ่อนก็จะช่วยสนับสนุน แต่ไม่ได้พูดว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น
 

นายพิชัย กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์การปล่อยสินเชื่อมีแนวโน้มที่จะผ่อนคลายมากขึ้น อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดสถานการณ์ภาษีทรัมป์ก็ทำให้หลายฝ่ายต้องหยุดชะงักชั่วคราว อาทิ ผู้ส่งออก-นำเข้า ที่ชะลอการตัดสินใจและดูท่าที ซึ่งอาจต้องมีมาตรการอะไรเข้าไปช่วยเหลือผู้ส่งออกและคู่ค้าที่ได้รับผลกระทบตรงนี้ โดยการหารือในครั้งนี้ไม่ได้มีความกังวลอะไรเป็นพิเศษ เป็นการพูดคุยกันตามปกติ และยังคงจับตาสถานการณ์นโยบายทรัมป์อย่างใกล้ชิด เพราะหลายอย่างยังไม่ตกผลึก