
28 สิงหาคม 2566 นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย หรือ กยท. เปิดเผยว่า ปรากฎการณ์เอลนีโญ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และต่อเนื่องยาวไปจนถึงปี 67 นั้น จะทำให้ประเทศในภาคพื้นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศผู้ผลิต ยางพารารายใหญ่ของโลก รวมทั้งประเทศไทย ได้รับผลกระทบโดยตรง จากอุณภูมิที่สูงขึ้น ฝนตกน้อยกว่าค่าปกติ สภาวะเช่นนี้ จะส่งผลให้ น้ำยางพารา ออกมาน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ขณะที่ความต้องการใช้ยางพารา มีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้ราคายาง ในช่วงปลายปี 66 และในปีถัดไป มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่สูงขึ้น แต่จะค่อยเป็นค่อยไป โดยขณะนี้ราคายางแผ่นรมควัน ชั้น 3 เคลื่อนไหวอยู่ในระดับประมาณ 47 บาทต่อกิโลกรัม และน้ำยางสดราคาประมาณ 43 บาทต่อกิโลกรัม
"ปรากฎการณ์เอลนีโญที่เกิดขึ้น ทำให้ผลผลิตยางลดลง จะเห็นได้จากตัวเลขผลผลิตยางสะสมตั้ง แต่เดือน ม.ค.66 ถึงปัจจุบัน ของประเทศผู้ผลิตยางโลก ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีผ่านที่มา โดยมูลค่าการส่งออกยางพาราแปรรูปสะสม ตั้งแต่เดือน ม.-ค. -มิ.ย. 66 ของประเทศไทย ลดลงประมาณ 21% และมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางสะสมลดลง ประมาณ 8.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่าน"
นายณกรณ์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ ราคายางพาราในช่วงที่ผ่านมา ยังไม่ปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และประเทศผู้รับซื้อยาง มีการใช้ยางจากสต๊อกยาง ที่เก็บไว้แทนการนำเข้า
จะเห็นได้จากยอดการผลิตยางรถยนต์ และยางรถบรรทุกของโลก ไม่ได้ลดลงเลย โดยในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ยอดการผลิตยางรถยนต์สูงถึง 410.7 ล้านเส้น เพิ่มขึ้น 0.7% เช่นเดียวกับยางรถบรรทุก มียอดการผลิต 47.9 ล้านเส้นเพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
นายณกรณ์ กล่าวว่า ส่วนทิศทางของราคายาง ในช่วงปลายปีนี้ มีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยหนุนในหลาย ๆ ด้าน นอกจากปรากฎการณ์ เอลนีโญ ประเทศผู้นำเข้ายางรายใหญ่หลายประเทศ ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นประเทศสหรัฐอเมริกาและเยอรมัน มีมาตรการจัดสรรงบประมาณ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกานั้น ธนาคารกลาง มีแนวโน้มที่จะยุติการขึ้นดอกเบี้ยอีกด้วย
ในส่วนของประเทศญี่ปุ่น เริ่มผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ในขณะที่คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้ายางพารา จากประเทศไทยมากที่สุด พยายามรักษาเสถียรภาพการลงทุนภาคเอกชน สร้างการมีส่วนร่วมให้ภาคเอกชน ในโครงการสำคัญของรัฐ รวมทั้งมีมาตรการสนับสนุนการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าและไฮบริด
ดังนั้น หากเศรษฐกิจโลก ฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว จะทำให้ความต้องการใช้ยางเพิ่มขึ้น ในขณะที่ผลผลิตยางที่ลดลง จากปรากฎการณ์เอลนีโญ ผนวกกับสต๊อกยางของประเทศผู้นำเข้า ถูกใช้ไปจนหมดแล้ว จะต้องซื้อยางเข้ามาใหม่ รวมทั้งค่าเงินบาท มีแนวโน้มที่อ่อนตัวลงอีกด้วย
สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็นปัจจัยหนุน ที่จะทำให้ยอดการส่งออกยางของไทย และทิศทางของราคายาง จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และต่อเนื่องไปจนถึงปี 67 อย่างแน่นอน
ราคายางมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ในขณะที่ปรากฎการณ์ เอลนีโญ จะทำให้ผลผลิตมีแนวโน้มลดลง เกษตรกรชาวสวน ยางจะต้องดูแลสวนยางอย่างใกล้ชิด และจัดการสวนยางอย่างถูกต้อง เพื่อให้ยางสมบูรณ์สามารถกรีดยางได้ตามปกติ
โดยเฉพาะในเรื่องน้ำ เพราะยางพาราเป็นพืชที่ชอบอากาศที่ชุ่มชื้น หากต้นยางได้รับน้ำที่เพียงพอ ก็จะสามารถผลิตน้ำยางได้เพิ่มขึ้น ดังนั้น ชาวสวนยางต้องวางแผนเรื่องน้ำให้ดี อาจจะต้องหากแหล่งน้ำกักเก็บ หรือขุดสระเก็บน้ำสำรองไว้ใช้ในช่วงที่ขาดแคลนน้ำ เพื่อให้สามารถกรีดยางได้ เพราะหากราคายางเพิ่มขึ้น แต่เกษตรกรไม่มียางที่จะขาย ราคายางที่เพิ่มขึ้น ก็จะไม่เกิดประโยชน์ใด ๆ ต่อเกษตรกรชาวสวนยางเลย