svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ธุรกิจ-การตลาด

ดูสูตรคำนวณค่าไฟฟ้า : แพงจริงไหม?...หรือ มาจากปัจจัยอื่น

ช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมานี้ หลายคนคงประสบปัญหาค่าไฟแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบย้อนหลังกลับไป 3 - 4 เดือน จนนำมาสู่คำถามที่ว่า การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) หรือ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ขึ้นค่าไฟหรือเปล่า ?

วันนี้เราจะมาชวนหาคำตอบ ผ่านวิธีคำนวณค่าไฟฟ้า ซึ่งทุกคนสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ  มาลองดูกันซิว่า….ค่าไฟแพงขึ้นจริง ๆ หรือ มันมีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นกันแน่?

 

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ค่าไฟที่พวกเราเห็นกันอยู่บนบิลทุก ๆ เดือนนี้คิดมาจาก 2 ส่วนสำคัญ ส่วนที่หนึ่งคือค่าไฟฟ้าฐาน และส่วนที่สองคือค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ (Ft) (ทั้งสองก้อนนี้ยังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยส่วนที่จะมีผลอย่างมากในการกำหนดว่าค่าไฟบ้านเราในแต่ละเดือนนั้นจะมากหรือน้อย ก็คือค่าไฟฟ้าฐาน 

 

ค่าไฟฟ้าฐานคำนวณมาจาก “ค่าพลังงานไฟฟ้า” ซึ่งจะสะท้อนถึงปริมาณการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในบ้านของเรา โดยจะรวมออกมาเป็น “จำนวนหน่วย” ก่อนที่จะถูกแปลงออกมาเป็นเงินตามช่วงที่กำหนดไว้แบบขั้นบันได หรือที่เรียกว่าอัตราการคิดค่าไฟฟ้าแบบก้าวหน้า (Progressive Rate) 

 

การคิดค่าไฟฟ้าแบบก้าวหน้า (Progressive Rate)

 

อัตราการคิดค่าไฟฟ้าแบบก้าวหน้านี้เอง ที่ทำให้ค่าไฟฟ้าสูงขึ้นมากเมื่อใช้ปริมาณไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพราะในแต่ละขั้นจะคิดจำนวนเงินจากหน่วยไฟฟ้า โดยใช้อัตราที่ไม่เท่ากัน จึงไม่น่าแปลกหากในเดือนที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150 หน่วย และเดือนที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150 หน่วย จะเสียค่าไฟแตกต่างกันมาก เนื่องจากถูกคิดมาจากอัตราคนละเกณฑ์กัน 

 

โดยหากใครอยากลองคำนวณค่าไฟฟ้าของบ้านตัวเอง เพื่อตรวจเทียบกับบิลค่าไฟให้ชัวร์แน่ว่าไม่ผิด ไม่ต้องเสียเวลากดเครื่องคิดเลขด้วยตัวเอง แต่สามารถเข้าไปใช้โปรแกรมคำนวณของกรมไฟฟ้านครหลวงได้เลย คลิกที่นี่ 

 

โดยจากที่กล่าวไปข้างต้น นอกจากค่าไฟฟ้าฐานแล้ว ค่าใช้จ่ายอีกส่วนหนึ่งซึ่งสำคัญไม่แพ้กันและต้องนำมาคิดประกอบด้วยนั่นก็คือค่าไฟฟ้าผันแปรหรือ Ft โดย ณ ปัจจุบันนี้ ค่าไฟฟ้าผันแปรตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 จนถึงปัจจุบันยังอยู่ที่ 0.9343 บาทต่อหน่วย ดังนั้น หากเทียบค่าไฟย้อนหลัง 3 - 4 เดือน ค่า Ft ย่อมไม่ใช่ปัจจัยที่จะทำให้ค่าไฟแพงขึ้น

 

สรุปแล้ว ปัจจัยสำคัญที่เราอาจต้องกลับไปดูทุกครั้งเมื่อสงสัยว่าทำไมค่าไฟบ้านเราถึงแพง เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ๆ นั่นก็คือ “จำนวนหน่วยไฟฟ้า” โดยหากค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ไม่มีการเปลี่ยนแปลงและอัตราการคิดค่าไฟฟ้าแบบก้าวหน้ายังคงเดิม ถ้าใช้ไฟฟ้าในปริมาณหน่วยเท่าเดิม ค่าไฟย่อมไม่เปลี่ยน แต่หากมีการเพิ่มขึ้นหรือลดลง นั่นเท่ากับว่า “จำนวนหน่วยไฟฟ้า” ที่เราใช้ต่างไปจากเดิม

 

เพราะฉะนั้น ก่อนจะตกใจกับค่าไฟฟ้าที่แพงขึ้น เราอาจจะต้องย้อนกลับไปทบทวนปริมาณการใช้ไฟฟ้าในเดือนนั้นว่าเพิ่มขึ้นหรือไม่ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้จำนวนหน่วยไฟฟ้าของเราสูงขึ้น เช่น สภาพอากาศที่ร้อน ก็มีส่วนทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเครื่องปรับอากาศใช้กำลังไฟหนักขึ้น แม้จะเปิดในระยะเวลาเท่าเดิมก็ตาม ฯลฯ ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีส่วนทำให้ปริมาณหน่วยไฟฟ้าที่เราใช้เพิ่มสูงขึ้น 

 

 

อ้างอิง