เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการผู้อำนวยการ ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ปัญหาความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ดอกเบี้ยสูง และเงินเฟ้อพุ่ง อาจทำให้อสังหาฯ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย ชะลอตัวลง เลวร้ายสุดอาจติดลบ 14.1% ในปีนี้ คาดว่ามูลค่าการโอนกรรมสิทธิ์จะอยู่ที่ 9.15 แสนล้านบาท
นอกจากนี้จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเปิดโอกาสช่วยทำให้ตลาดที่อยู่อาศัยฟื้นตัว เนื่องจากมีการซื้อที่อยู่อาศัย เช่าระยะยาว และระยะสั้น เห็นได้จากตัวเลขหลังจากที่เปิดประเทศ ปี 65 ทั่วโลกปลดล็อกการเดินทาง มูลค่าการโอนฯของต่างชาติขึ้นมาอยู่ที่ 5.9 หมื่นล้านบาท จากปี 64 อยู่ที่ 3.9 หมื่นล้านบาท
โดยกรุงเทพฯ ชลบุรี ภูเก็ต เชียงใหม่ และสมุทรปราการเป็นแหล่งยอดนิยมในการซื้อที่อยู่อาศัยมากสุด ส่วนผู้ครอบครองสูงสุดเป็นชาวจีนที่ 49% จำนวน 5,707 หน่วย รวมมูลค่า ราว 2.9 หมื่นล้านบาท
นายไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการ หอการค้าไทยในจีน กล่าวว่า นักธุรกิจที่เข้ามาลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มีมากขึ้น ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของอสังหาฯไทย เพราะดูจากการซื้อของคนจีนเป็นกลุ่มนักธุรกิจ -นักลงทุน
สำหรับกรณีกลุ่มทุนจีนสีเทาที่เกี่ยวพันการครอบครองอสังหาฯนั้น ไม่อยากให้นำประเด็นดังกล่าวมาสร้างเงื่อนไขกับชาวจีน เนื่องจากวันนี้เราต้องพึ่งพาจีนมากขึ้น ขณะที่ยุโรป และสหรัฐ ก็มีปัญหา ดังนั้นแนวทางป้องปรามการกระทำผิดกฎหมาย ไทยสามารถใช้เงื่อนไข และหน่วยเกี่ยวข้องเข้าดูแลจัดการได้
นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า การดึงดูดต่างชาติเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยนั้น ต้องการให้รัฐใช้สิทธิวีซ่าเป็นการดึงดูดให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทย เช่น ซื้อคอนโดฯ ราคา 3 ล้านบาท ได้วีซ่าอยู่ไทย 3 ปี ซื้อคอนโดมิเนียม 5 ล้านบาท อยู่ไทยได้นาน 5 ปี หรือ 10 ล้านบาท ได้วีซ่า 10 ปี
ทั้งนี้เนื่องจากการเข้ามาอยู่อาศัยของกลุ่มคนดังกล่าว มีอัตราการใช้จ่ายในไทยล้านบาทต่อเดือน ซึ่งทำให้ไทยมีเม็ดเงินสนับสนุนจีดีพีของประเทศ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้จีนและชาวต่างชาติ มองอสังหาฯไทย เป็นบ้านหลัง 2 บ้านพักตากอากาศ และ บ้านอยู่อาศัยในวัยเกษียณ ถ้าเรามีวีซ่าให้เขาก็จะช่วยสนับสนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น