นายโอฬาร จันทร์ภู่ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยกับ Nation Online ถึงตลาดรับสร้างบ้านในปี 66 ว่า เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวตั้งแต่ช่วงปลายปี 65 และต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้เห็นได้จากยอดรับรู้การเซ็นสัญญาเพิ่มขึ้น หลังจากโควิดคลี่คลาย คาดว่าเติบโต 6% มูลค่าตลาดอยู่ที่ 13,250 ล้านบาท
โดยในช่วงนี้ยืนยันยังไม่ได้ปรับราคา เนื่องจากยังมีสต็อกต้นทุนวัสดุก่อสร้างเก่าค้างอยู่ ซึ่งต้องดูสถานการณ์ราคาน้ำมัน และวัสดุก่อสร้างประเภทอื่น ๆ ปรับราคาขึ้นหรือไม่ ถ้าหากปรับขึ้นอาจทำให้สมาคมฯ ต้องปรับขึ้นค่าก่อสร้างตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจริง ซึ่งปกติปรับขึ้นเฉลี่ยประมาณ 5%
นอกจากนี้ปัจจุบันสมาคมฯได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง หลังจากเปิดประเทศทำให้ความต้องการแรงงานเพิ่มขึ้น แต่ปัจจุบันการลงนามเซ็นสัญญาจ้างแรงงานต่างด้าวต้องใช้ระยะเวลา 2-3 เดือนในการพิจารณาอนุมัติ ทำให้ธุรกิจสะดุด เพราะต้องรอการอนุมัติ ซึ่งอยากให้รัฐผ่อนผันว่าในช่วงระหว่างที่รอรัฐพิจารณาอนุมัติขอจ้างแรงงานมาทำงานก่อนได้หรือไม่ เพื่อให้งานสามารถเดินต่อไปได้
ขณะเดียวกันอยากให้รัฐเพิ่มนำเข้าแรงงานจากเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและบังคลาเทศ นอกเหนือจากที่รัฐนำเข้าแรงงานจากลาว กัมพูชา เมียนมา เพื่อให้แรงงานต่างด้าวเพียงพอกับความต้องการของตลาด
อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ ได้หารือกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้การขออนุญาตการก่อสร้างที่อยู่อาศัยในเขตกทม. ผ่านออนไลน์ได้ เพื่อความรวดเร็วในการทำงานและลดขั้นตอนการคอร์รัปชั่น
ซึ่งเรื่องนี้จะมีการจัดประชุมสัมมนาในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ก่อนที่จะประกาศใช้ เนื่องจากในเบื้องต้นทราบว่ากทม. จะอนุญาตให้การก่อสร้างบ้านที่ไม่เกิน 300 ตรม. ไม่เกิน 3 ชั้นสามารถยื่นก่อสร้างผ่านออนไลน์ก่อน ถ้าผลตอบรับดีก็จะขยายพื้นที่การก่อสร้างเพิ่มขึ้น
นายโกศล โควิสุทธิ์ เลขาธิการสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวกับ Nation Online ว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านเริ่มกลับมาดีขึ้น หลังจากที่รัฐเปิดประเทศ และโควิดคลี่คลาย ซึ่งยอมรับว่าปัจจุบันได้รับผลกระทบจากแรงงานที่ขาดแคลน และต้นทุนวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ปรับราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม สมาคมฯ เตรียมจัดงาน "รับสร้างบ้านและวัสดุ FOCUS 2023” จัดขึ้นวันที่ 8-12 มี.ค.ที่ฮอลล์ 6 เมืองทองธานีเต็มรูปแบบอีกครั้ง