ร้อนแรงไม่เลิก สำหรับหุ้น MGI ของบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) แม้จะถูกตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท. ) ติดตามความไม่ปกติของการซื้อขายหุ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงขั้นที่ล่าสุด ตลท. ต้องขึ้นเครื่องหมาย P หรือ "Pause" ตามมาตรการกำกับการซื้อขาย 3 ระดับ เป็นรอบ 2 เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 67 หลังจากราคาหุ้นปิดพุ่งมาที่ 50 บาท ในสิ้นวันทำการก่อนหน้า
การหยุดการซื้อขายครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก โดยที่ผ่านมาตลท. ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายมาแล้ว 4 ครั้ง
หากย้อนไทม์ไลน์หุ้นMGI นับตั้งแต่เข้ามาเทรดในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) วันแรกคือ 14 ธ.ค.66 ราคาก็พุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่ จากราคา IPO ที่กำหนดไว้หุ้นละ 4.95 บาท ผ่านไป 2 เดือนกว่าราคาขึ้นมาอยู่ที่ 50 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 910% ประมาณ 9.1 เท่าเลยทีเดียว โดยมีมูลค่าตลาดหรือมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 10,500 ล้านบาท จากที่เริ่มเข้าตลาดมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 1,039.50 ล้านบาท
ทั้งนี้หากเทียบกับหุ้นมีเดียที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์พบว่า
ซึ่งถือว่าหุ้น MGI มาแรงแซงโค้ง มาร์เก็ตแคปอยู่อันดับ 4 หากเทียบกับกลุ่มหุ้นมีเดียในตลาดหลักทรัพย์ แต่ถ้าเทียบกับหุ้นสื่อทีวีออนไลน์ เช่น BEC,ONEE, GRAMMY และ WORK นั้นขึ้นแท่นเป็นนัมเบอร์วันเลยทีเดียว
หากไล่เรียงผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรก ประกอบด้วย
1.นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ถือหุ้น 90,000,000 หุ้น สัดส่วน 42.86% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 445.50 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,054.5 ล้านบาท
2.นายรัชพล จันทรทิม ถือหุ้น 59,999,800 หุ้น สัดส่วน 28.57% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 296.99 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 2,999.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,702.99 ล้านบาท
3.บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น 6,550,000 หุ้น สัดส่วน 3.12% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 32.422 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 327.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 295.077 ล้านบาท
4.นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี ถือหุ้น 6,160,000 หุ้น สัด ส่วน 2.93%หุ้น มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 30.492 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 277.508 ล้านบาท
5. นายเฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ ถือหุ้น 2,450,000หุ้น สัด ส่วน 1.17% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 12.127 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 122.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.372 ล้านบาท
6.นายมานิตย์ ศรายุทธิกรณ์ ถือหุ้น 2,409,300 หุ้น สัดส่วน 1.15% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 11.92 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 120.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.54 ล้านบาท
7. นายขันธ์พลร์ ซื่อภาคย์ ถือหุ้น 2,400,000หุ้น สัดส่วน 1.14% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 11.88 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.12 ล้านบาท
8. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น1,969,137 หุ้น สัดส่วน 0.94% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 9.74 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 98.456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.70 ล้านบาท
9. น.ส.ชาล็อต ออสติน ถือหุ้น 1,950,000 หุ้น สัดส่วน 0.93% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 9.652 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 97.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.84 ล้านบาท
10. น.ส.อิงฟ้า วราหะ ถือหุ้น 1,900,000 หุ้นสัดส่วน 0.90% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 9.405 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.595 ล้านบาท
จากนี้ไปคงต้องจับตาดูว่า "ตลท." จะงัดมาตรการเด็ดดขาดอะไรออกมาสกัดความร้อนแรงของหุ้น MGI อีกหรือไม่ เพราะจากบทเรียนซ้ำซากที่ผ่านมา เป็นที่รู้กันอยู่ว่าราคาหุ้นที่วิ่งกันขนาดนี้ในรอบ 2 เดือน กว่า 910% คงหนีไม่พ้นฝีมือของนักลงทุนรายใหญ่ ด้วยการสร้างราคา ปั่นปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ให้เวอร์วัง โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ
ความพยายามล่าสุดที่เห็นจากตลาดหลักทรัพย์ คือการออกเกณฑ์ดึงความเชื่อมั่นผู้ลงทุนจากการซื้อขายหุ้นที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าไม่ปกติในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการ ยกระดับการกำกับดูแลการขายชอร์ต (short selling) และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขาย (program trading) พร้อมทั้งการปรับเพิ่มมาตรการการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน เพื่อยกระดับการกำกับดูแลและเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนทุกประเภท
ทั้งนี้หากตลท.เอาจริงเอาจัง และกล้าตรวจสอบการซื้อขายหุ้นอย่างเจาะลึก เชื่อว่าต้องรู้แน่นอนว่าใครอยู่เบื้องหลังการผลักดันราคาหุ้น
ขณะที่นักลงทุนรายย่อยอย่าพยายามหลอกตัวเองว่า จะกระโจนออกจากวงได้ทัน เพราะตัวอย่างมีให้เห็นมามากมายแล้วว่า ลุกช้า จ่ายรอบวง มันเจ็บปวดขนาดไหน และไปโทษใครก็ไม่ได้ นอกจากตัวเอง.....