svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

มาร์เก็ตแคป MGI ทะลุหมื่นล้าน ! ขึ้นแท่นอันดับ 4 กลุ่มมีเดีย

หุ้นมิสแกรนด์  MGI พุ่งกระฉูด มาร์เก็ตแคปทะลุหมื่นล้านบาท ขึ้นแท่นอันดับ 4 ในกลุ่มมีเดีย และใหญ่สุดในหุ้นธุรกิจทีวี ดันผู้ถือหุ้นรวยอู้ฟู่ พอร์ต “ณวัฒน์” ทะลุ 4,500 ล้านบาท  ส่วน“ชาล็อต”-“อิงฟ้า” เฉียดร้อยล้านบาท

ร้อนแรงไม่เลิก สำหรับหุ้น MGI ของบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)  แม้จะถูกตลาดหลัก ทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท. ) ติดตามความไม่ปกติของการซื้อขายหุ้นมาอย่างต่อเนื่อง  จนถึงขั้นที่ล่าสุด ตลท. ต้องขึ้นเครื่องหมาย P หรือ "Pause" ตามมาตรการกำกับการซื้อขาย 3 ระดับ เป็นรอบ 2 เมื่อวันที่ 23 ก.พ. 67  หลังจากราคาหุ้นปิดพุ่งมาที่  50 บาท ในสิ้นวันทำการก่อนหน้า 

การหยุดการซื้อขายครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก โดยที่ผ่านมาตลท. ใช้มาตรการกำกับการซื้อขายมาแล้ว 4 ครั้ง

  • วันที่ 28 ธ.ค. 66  ตลท. ประกาศให้เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 1 : ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 67 - 18 ม.ค. 67
  •   วันที่ 18 ม.ค. 67 ตลท.ได้ขยายเวลามาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 1 ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance มีผลตั้งแต่ 19 ม.ค. 67 - 8 ก.พ. 67
  • วันที่ 6 ก.พ. 67 ตลท. ยกระดับการดูแลหุ้น MGI มาตรการหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับ 2  ห้าม Net Settlement, ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance มีผลตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. 67 - 27 ก.พ. 67
  • วันที่ 19 ก.พ. 67  ตลท. ใช้มาตรการขั้นสูงสุด ขึ้นเครื่องหมาย P เพื่อหยุดพักการซื้อขาย วันที่ 20 ก.พ. 67 และปลดเครื่องหมาย P ในวันที่ 21 ก.พ.67 โดยตลท.ให้เหตุผลว่า การซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ จนเป็นเหตุให้เข้าข่ายมาตรการกำกับการซื้อขาย Level 3

มาร์เก็ตแคป MGI ทะลุหมื่นล้าน ! ขึ้นแท่นอันดับ 4 กลุ่มมีเดีย

หากย้อนไทม์ไลน์หุ้นMGI นับตั้งแต่เข้ามาเทรดในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI)   วันแรกคือ 14 ธ.ค.66 ราคาก็พุ่งไม่หยุดฉุดไม่อยู่  จากราคา IPO ที่กำหนดไว้หุ้นละ 4.95 บาท ผ่านไป 2 เดือนกว่าราคาขึ้นมาอยู่ที่ 50 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 910% ประมาณ 9.1 เท่าเลยทีเดียว โดยมีมูลค่าตลาดหรือมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 10,500 ล้านบาท จากที่เริ่มเข้าตลาดมาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 1,039.50 ล้านบาท


ทั้งนี้หากเทียบกับหุ้นมีเดียที่ซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์พบว่า 

  • หุ้น Plan B บมจ. แพลน บี มีเดีย  มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 38,000 ล้านบาท
  • หุ้น VGI  บมจ.วีจีไอ  มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท
  • หุ้น MAJOR  บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป  มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 13,000 ล้านบาท
  • หุ้น BEC  บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด  มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 9,800 ล้านบาท
  • หุ้น ONEE  บมจ. เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์  มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 10,100 ล้านบาท
  • หุ้น  GRAMMY บมจ. บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่  มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 4,900 ล้านบาท
  • หุ้น WORK  บมจ. เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์   มาร์เก็ตแคปอยู่ที่ 4,400 ล้านบาท

ซึ่งถือว่าหุ้น MGI มาแรงแซงโค้ง มาร์เก็ตแคปอยู่อันดับ 4 หากเทียบกับกลุ่มหุ้นมีเดียในตลาดหลักทรัพย์ แต่ถ้าเทียบกับหุ้นสื่อทีวีออนไลน์ เช่น BEC,ONEE, GRAMMY และ WORK นั้นขึ้นแท่นเป็นนัมเบอร์วันเลยทีเดียว 

หากไล่เรียงผู้ถือหุ้น 10 อันดับแรก ประกอบด้วย

1.นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ถือหุ้น  90,000,000  หุ้น สัดส่วน  42.86% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 445.50 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่  4,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,054.5 ล้านบาท

2.นายรัชพล จันทรทิม ถือหุ้น  59,999,800 หุ้น สัดส่วน 28.57% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 296.99 ล้านบาท  มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่  2,999.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,702.99 ล้านบาท  

3.บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) ถือหุ้น  6,550,000 หุ้น สัดส่วน  3.12% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 32.422 ล้านบาท  มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่   327.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 295.077 ล้านบาท

4.นายพีรเจต สุวรรณนภาศรี ถือหุ้น 6,160,000 หุ้น สัด ส่วน 2.93%หุ้น  มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 30.492 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 308 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 277.508 ล้านบาท  

5. นายเฉลิมเดช ลีวงศ์เจริญ ถือหุ้น  2,450,000หุ้น สัด ส่วน 1.17%   มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 12.127 ล้านบาท  มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 122.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 110.372 ล้านบาท

6.นายมานิตย์ ศรายุทธิกรณ์ ถือหุ้น  2,409,300 หุ้น สัดส่วน 1.15% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 11.92 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 120.46 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 108.54 ล้านบาท  

7. นายขันธ์พลร์ ซื่อภาคย์ ถือหุ้น 2,400,000หุ้น สัดส่วน 1.14% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 11.88 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่120 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.12 ล้านบาท

8. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น1,969,137 หุ้น  สัดส่วน 0.94% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่ 9.74 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 98.456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 88.70 ล้านบาท

9. น.ส.ชาล็อต ออสติน ถือหุ้น 1,950,000 หุ้น สัดส่วน 0.93% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่  9.652 ล้านบาท มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่  97.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.84 ล้านบาท

10.  น.ส.อิงฟ้า วราหะ ถือหุ้น   1,900,000 หุ้นสัดส่วน 0.90% มูลค่าหุ้นช่วง IPO อยู่ที่  9.405 ล้านบาท  มูลค่าหุ้นปัจจุบันอยู่ที่  95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 85.595 ล้านบาท

จากนี้ไปคงต้องจับตาดูว่า "ตลท." จะงัดมาตรการเด็ดดขาดอะไรออกมาสกัดความร้อนแรงของหุ้น MGI อีกหรือไม่ เพราะจากบทเรียนซ้ำซากที่ผ่านมา เป็นที่รู้กันอยู่ว่าราคาหุ้นที่วิ่งกันขนาดนี้ในรอบ 2 เดือน กว่า 910% คงหนีไม่พ้นฝีมือของนักลงทุนรายใหญ่ ด้วยการสร้างราคา ปั่นปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ให้เวอร์วัง โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ 

ความพยายามล่าสุดที่เห็นจากตลาดหลักทรัพย์ คือการออกเกณฑ์ดึงความเชื่อมั่นผู้ลงทุนจากการซื้อขายหุ้นที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าไม่ปกติในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการ ยกระดับการกำกับดูแลการขายชอร์ต (short selling) และการใช้คอมพิวเตอร์ส่งคำสั่งซื้อขาย (program trading) พร้อมทั้งการปรับเพิ่มมาตรการการเปิดเผยข้อมูลแก่สาธารณชน เพื่อยกระดับการกำกับดูแลและเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ลงทุนทุกประเภท

ทั้งนี้หากตลท.เอาจริงเอาจัง และกล้าตรวจสอบการซื้อขายหุ้นอย่างเจาะลึก เชื่อว่าต้องรู้แน่นอนว่าใครอยู่เบื้องหลังการผลักดันราคาหุ้น 

ขณะที่นักลงทุนรายย่อยอย่าพยายามหลอกตัวเองว่า จะกระโจนออกจากวงได้ทัน เพราะตัวอย่างมีให้เห็นมามากมายแล้วว่า ลุกช้า จ่ายรอบวง มันเจ็บปวดขนาดไหน และไปโทษใครก็ไม่ได้ นอกจากตัวเอง.....