20 พฤศจิกายน 2566 ที่กระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึง กรณีที่สภาพัฒน์(สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) มีการแถลงถึงตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 ประมาณ 1.5% ซึ่งต่ำกว่าที่คาด ถือเป็นเรื่องที่น่าห่วงเป็นอย่างมาก โดยส่วนตัวได้ถามเลขาธิการสภาพัฒน์ ถึงตัวเลขดังกล่าวว่าเป็นอย่างไรบ้าง โดยได้รับคำตอบว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจเช่นกัน เพราะคาดว่าจะสูงกว่านี้
โดยเหตุผลที่ตัวเลขไม่เป็นไปตามเป้ามีอุปสรรคหลายอย่าง ทั้งเรื่องของการลงทุน และโรงงานที่ผลิต ส่วนจะส่งผลถึงไตรมาสหน้าหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างส่งผลหมด และขออย่าเพิ่งคิดล่วงหน้าไปจนถึงไตรมาสที่ 4 เพราะยังเหลือเวลาอีกครึ่งไตรมาส จึงต้องพยายามทำให้ตัวเลขดีขึ้น
ส่วนหนึ่งในเรื่องดังกล่าว จะเป็นเรื่องของโครงการเงินดิจิทัล หรือไม่ นายกฯ ชี้แจงว่า เรื่องนี้มีการพูดไปมากแล้ว และก็ได้ทราบถึงขั้นตอน รวมถึงตัวเลขที่ชัดเจน ยืนยันว่าเป็นสิ่งจำเป็นและหลังจากนี้ได้ให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการอยู่
อย่างไรก็ตามในการประชุมวันนี้(20 พ.ย.) มีวาระหลายเรื่อง โดยเฉพาะประเด็นที่เคยแถลงไปแล้วว่า ปลายเดือนนี้จะมีการแถลงข่าวเรื่องแก้ปัญหาหนี้สิน ซึ่งวันนี้จะต้องมาปรึกษาว่า มีกลุ่มไหนบ้างที่ขาดการดูแล ทั้งนี้จะไม่มีการหารือเรื่องแหล่งที่มาของเงินในโครงการเงินดิจิทัล เนื่องจากมีการพูดไปชัดเจนแล้ว
ส่วนเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ได้มอบหมาย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไปแล้ว โดยขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ว่า จะมีการแถลงข่าวพร้อมกันกับประเด็นการบริหารหนี้ทั้งหมดหรือจะแยกรายละเอียดกัน
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการเตรียมแถลงแผนแก้หนี้นอกระบบของรัฐบาล ในวันอังคารที่ 28 พ.ย.นี้ ว่า กระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี ให้นายอำเภอแต่ละท้องที่ และผู้กำกับการ แต่ละโรงพัก ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้ประสานงานในการแก้ไขปัญหาหนี้ ซึ่งจะไม่ใช้คำว่า "หนี้นอกระบบ" แต่เป็นหนี้ที่เอารัดเอาเปรียบประชาชน และการเก็บดอกเบี้ยที่สูงกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้ในบางครั้ง ประชาชน ต้องจ่ายดอกเบี้ยทบเงินต้นหลายรอบแล้ว แต่หนี้ก็ยังคงอยู่ เพราะติดอยู่ในอัตราดอกเบี้ยที่สูง รัฐบาลจึงจำเป็นต้องเร่งแก้ไข
และปัญหาส่วนใหญ่ ประชาชนมีปากมีเสียงมากไม่ได้ เพราะเกรงกลัวอิทธิพล ทั้งจากเจ้าหนี้ และผู้ที่มีอิทธิพลเหนือกว่ากำลังของตนเอง ซึ่งรัฐบาลต้องเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา และเชื่อว่า ถ้านายอำเภอ และผู้กำกับโรงพัก เข้ามาดูแลการเอารัดเอาเปรียบ และข่มเหงประชาชน ปัญหาต่าง ๆ ก็จะลดลงไป ซึ่งถือเป็นวัตถุประสงค์ และเป็นนโยบายของนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามว่า กระทรวงมหาดไทย ได้กำชับหน่วยงานให้ดำเนินการเด็ดขาดหรือไม่อย่างไรนั้น นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า สำหรับกระทรวงมหาดไทย ถือเป็นหน้าที่ โดยให้นายอำเภอ เรียกลูกหนี้ทั้งหมด มาแสดงตนขึ้นทะเบียนเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งยอมรับและเข้าใจว่า ในบางครั้งก็ไม่มีใครกล้ามาลงทะเบียน ดังนั้น นายอำเภอ ปลัดอำเภอ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง จึงมีหน้าที่ออกไปสำรวจความเดือดร้อนของประชาชน ที่เกี่ยวข้องกับหนี้นอกระบบ เพื่อที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหา พร้อมขอให้ประชาชน ฟังการแถลงของนายกฯอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 พ.ย.นี้ว่า จะเร่งรัดให้เห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างไร