ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 เปิดระบบให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการฯ ลงทะเบียนรับสิทธิและจองโรงแรมที่พัก เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ (10 มี.ค. 2566) เมื่อเวลาประมาณ 10.55 น. จำนวนสิทธิทั้งสิ้น 560,000 สิทธิ ถูกจองสิทธิเต็มหมดแล้ว
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลยินดีต่อกระแสตอบรับจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 ซึ่งประสบความสำเร็จต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าโครงการดังกล่าวจะสร้างรายได้ให้ผู้ประกอบการ ส่งเสริมประชาชนให้ใช้จ่ายในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ
ขณะที่ภาพรวมการท่องเที่ยวภายในประเทศ อยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า อัตราการเข้าพักในปี 2566 เมื่อเทียบกับปี 2565 มีจำนวนเพิ่มขึ้นในทุกภาคของประเทศ ได้แก่ ภาคกลาง เพิ่มขึ้น 18.5% , ภาคตะวันออก เพิ่มขึ้น 33.51% , ภาคใต้ เพิ่มขึ้น 47.71% , ภาคเหนือ เพิ่มขึ้น 21.53% และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้น 18.75% สร้างรายได้กว่า 70,328.93 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมั่นว่าโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 จะเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้น ภาคการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวได้ต่อเนื่องในปีนี้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งแก้ไขในประเด็นที่มีข้อท้วงติงจากประชาชน ภาคเอกชน และผู้ประกอบการ โดยเบื้องต้นการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การกำหนดระยะเวลาใช้สิทธิระหว่างวันที่ 10 มีนาคม - 30 เมษายน 2566 เป็นการจูงใจนักท่องเที่ยวกลุ่มกำลังซื้อสูง และมักเดินทางออกต่างประเทศในช่วง Hi-season ให้หันมาท่องเที่ยวภายในประเทศ ซึ่งการพิจารณาต่ออายุมาตรการ จะประเมินจากสถานการณ์และความจำเป็นต่อไป
ส่วนประเด็นราคาห้องพักแพง ททท. ได้แจ้งผู้ประกอบการให้แจ้งราคาห้องพักสูงสุดและต่ำสุดก่อนเข้าร่วมโครงการฯ แต่เนื่องจากการดำเนินโครงการฯ อยู่ในช่วงฤดูท่องเที่ยว ส่งผลให้ราคาห้องพักปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด อย่างไรก็ตามได้กำชับให้ผู้ประกอบการแจ้งราคาและเงื่อนไขราคาเพื่อให้ประชาชนตัดสินใจก่อนจองสิทธิ