svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ตรวจแถวการเมือง

"หม่อมอุ๋ย"หวนคืนหวานชื่น 3ป.ได้จริงหรือ?

22 ตุลาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

อยู่ๆ ชื่อ "หม่อมอุ๋ย" ม.ร.ว.ปรีดียาธร เทวกุล ก็ถูกยกขึ้นมาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเมือง หลัง "นิโรธ สุนทรเลขา" ส.ส.นครสวรรค์ พปชร. และประธานวิปรัฐบาล เสนอให้มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจพลังประชารัฐ ท่ามกลางจังหวะพรรคเต้นไม่ปกติ

หากไล่ย้อนกลับไป "หม่อมอุ๋ย" ชื่อนี้ไม่ใช้คนอื่นไกลที่ไหน เพราะเคยร่วมงานกับ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกฯ มาแล้ว ครั้งสมัยรัฐบาล คสช. โดยได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบงานด้านเศรษฐกิจ 

 

ทว่า "หม่อมอุ๋ย" ก็อยู่ร่วมงานได้แค่เพียง 1 ปี ระหว่างปี 57-58 ก่อนกระเด็นตกเก้าอี้ โดยคาดการณ์กันว่า สาเหตุมาจากการไปร่วมงาน  CEO FORUM ของสมาคมธนาคารไทย ซึ่งทิ้งประโยคสะกิดใจ "บิ๊กตู่" ว่า ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐกิจ

 

จากนั้นเพียงไม่นาน ก็เริ่มเกิดกระแสข่าว เตรียมปรับ ครม. โดยมีชื่อ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" เตรียมเข้ามานั่งแทน จนท้ายที่สุดก็เป็นไปตามคาด "สมคิด" ได้เป็นรองนายกฯ สานภารกิจต่อจาก "หม่อมอุ๋ย"

โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น เมื่อบัวช้ำไปแล้ว แต่ทำยังไงให้น้ำไม่ขุ่น "บิ๊กตู่" จึงเสนอรางวัลปลอบใจ ด้วยการให้เข้ามาเป็นที่ปรึกษานายกฯ แต่ชื่อชั้นระดับ ม.ร.ว.ปรีดียาธร จึงขอเซย์กู๊ดบาย ไม่ร่วมสังฆกรรมการเมืองต่อ พร้อมทิ้งวลีเด็ดที่ว่า 

 

"ผมเองกับคุณสมคิดก็รู้จักกัน ถ้าอะไรไม่เหมาะ ผมก็โทรบอกเขาตรง ๆ ได้อยู่แล้ว แต่ระหว่างนี้เราต้องสนับสนุนเขาเต็มที่ ไม่ควรแบ่งแยกแล้วปกครองอีกต่อไป ประเทศไทยทะเลาะกันไม่ได้อีกแล้ว ตอนนี้ต้องช่วยกันทำให้เศรษฐกิจดี เดินให้ได้ก็เลยอยากจะฝากสื่อมวลชนว่า อย่าไปออกข่าวเลยว่าผมไปเป็นที่ปรึกษา ไม่เคยมีการทาบทาม ถ้าทาบทามก็จะไม่รับ ไม่ชอบหลักการแบ่งแยกปกครองมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว"

 

 

จากถ้อยคำที่ปรากฏ เข้าคำพังเพยที่ว่า "ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ" 

และเมื่อเข้าใกล้สู่ช่วงปลายรัฐบาล คสช. ปี 61 "หม่อมอุ๋ย" ได้เขียนบทความ "8 เหตุผล ที่ไม่ต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีก" โดยเน้นไปยังประเด็นเอื้อนายทุนและคนสนิทที่ร่วมกันตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ 

 

ทำให้ "บิ๊กตู่" ควันออกหู ออกมาแก้ข่าวเรื่องนี้ พร้อมยืนยันไม่เป็นความจริง หรือแม้กระทั่งพี่ใหญ่ประวิตร ก็ออกมาตอบโต้ว่าเป็น "พูดส่งเดช ไม่มีเลย ไปตั้งบริษัทน้ำมันที่ไหน ไม่มีหรอก พูดไปเรื่อย คนไม่ชอบกันส่วนตัว" 

 

ภาพจึงสะท้อนชัดไปถึงอนาคตและยิ่งตอกย้ำว่าคู่นี้ "ไม่มีวันจะมาบรรจบกันได้อีก"

 

หรือไล่ล้วงลึกลงไปอีก "หม่อมอุ๋ย" ใช้ว่าเพิ่งมาคลุกคลีแวดวงการเมือง เพราะในปี 2533 ได้รับแต่งตั้งเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็น รมช.พาณิชย์ ในรัฐบาลของ "อานันท์ ปันยารชุน" 

 

และช่วงปี 2534 "หม่อมอุ๋ย" ได้รับแต่งตั้งอีกครั้ง ในรัฐบาลของ "พล.อ.สุจินดา คราประยูร" และได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา ช่วงปี 2535-2536

 

ต่อมาในช่วงภายหลังการปฏิวัติรัฐประหารเมื่อปี 2549 ในสมัยรัฐบาล "พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์" โดย “หม่อมอุ๋ย” ได้รับตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.คลัง ต่อมาได้ยื่นใบลาออกเมื่อ 28 ก.พ. 2550 โดยเหตุผลการลาออกครั้งนั้น สืบเนื่องมาจากความไม่พอใจในการนำคนจากรัฐบาลที่แล้ว (สมคิด จาตุศรีพิทักษ์) มาทำงาน และการดำเนินงานของรัฐมนตรีบางคนที่เอื้อประโยชน์ให้สื่อบางรายเป็นการเฉพาะ

 

เห็นได้ว่าเส้นทางการเมือง "หม่อมอุ๋ย" วนเวียน วนเวียน กับรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ดังนั้น ต้องจับตาว่าชื่อที่มาปรากฏคราวนี้ ม.ร.ว.ปรีดียาธร จะตัดสินใจอย่างไร หรือแค่เพียงโยนชื่อถามทาง กับก้าวจังหวะรัฐบาลลุงตู่ ที่อยู่ช่วงอาการโซเซ

logoline