svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ตรวจแถวการเมือง

"พรรคเศรษฐกิจไทย" ลุยเมืองสามอ่าว เปิดโมเดลพลิกโฉมประจวบฯ ชงแก้น้ำมันแพง

12 กันยายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"พรรคเศรษฐกิจไทย" ลุยเมืองสามอ่าว เปิดโมเดลพลิกโฉมประจวบฯ พบชาวบ้านประสบปัญหาไร้ที่ดินทำกิน ผลักดันนโยบายโฉนดครุฑทองคำ เสนอ"ลุงป้อม" สี่ข้อแก้น้ำมันแพง

 

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล รองหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย และประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคเศรษฐกิจไทย  กล่าวว่า ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ตนและคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคเศรษฐกิจไทยลงพื้นที่ อ.เมือง/ อ.กุยบุรี/ อ.ทับสะเเก  จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อแนะนำนโยบายพรรคและพบประชาชนในพื้นที่ 

 

นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล รองหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทยและประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคเศรษฐกิจไทย

 

"ปัญหาเเรกที่ประชาชนร้องเรียนมากสุดคือ ที่ดินทำกิน เพราะหลายครอบครัวลำบากไม่มีที่ดินทำกิน บางคนบอกว่ามีที่ดินเเต่จำนองธนาคารหรือเเปลงสิทธิเพื่อการลงทุนทางเกษตรไม่ได้ จึงเเจ้งไปว่าพรรคมีนโยบายโฉนดครุฑทองคำเพื่อช่วยประชาชนที่ลำบากจะได้มีที่ดินทำกินหรือเเปลงสิทธิต่อทุนได้เเต่เปลี่ยนมือขายต่อไม่ได้ หากประชาชนได้ประโยชน์ตรงนี้จะต่อยอดรายได้ของครอบครัว ยังมีที่ดินทำกินเเละอยู่อาศัยได้ชั่วลูกชั่วหลาน ประชาชนเข้าใจเเละจะสนับสนุนพรรคเพื่อให้พรรคไปออกกฎหมายฉบับนี้ ผมจึงบอกว่าหากพรรคได้ ส.ส.พอสมควรที่ผลักดันกฎหมายนี้ได้ หลังเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคดำเนินการทันทีเพราะปล่อยให้ประชาชนลำบากอีกไม่ได้" นายวิชิต กล่าว

 

นายวิชิต   กล่าวว่า พื้นที่ อ.กุยบุรี นั้นประชาชนสะท้อนปัญหาช้างป่าที่บุกรุกพื้นที่เกษตรกรรม พื้นที่อยู่อาศัย และทำร้ายประชาชนในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาแต่ไม่มีการแก้ไขที่ยั่งยืน ข้อเสนอแนะดังกล่าวของประชาชนในขั้นต้นและเร่งด่วนคือ ต้องการทางลำลอง/ ทางตรวจการณ์เพื่อให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรีและประชาชนใช้เป็นเส้นทางผลักดันช้าง/ การสร้างรั้วป้องกันช้างป่า/ การดูแลพืชผลเกษตรกรรมที่เสียหายจากช้างป่าบุกรุก/ การเปิดบางพื้นที่ในอุทยานฯเปิดเป็นไนท์ซาฟารี โดยข้อเสนอดังกล่าวตนและพรรคจะรับไปพิจารณาดำเนินการวางแนวทางแก้ไขให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

 

นายวิชิต  กล่าวว่า ตนและคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคได้ไปตรวจพื้นที่ด่านสิงขร อ.เมือง ซึ่งเป็นด่านการค้าชายแดนไทย-เมียนมา และเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย แต่ตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจซบเซา ทำให้ผู้ประกอบการขาดทุนอย่างมาก ตนเคยเสนอแนวคิดนโยบาย "พลิกโฉมประจวบฯ" ในการพัฒนาพื้นที่ด่านสิงขร โดยจะชูนโยบายการขนส่งอาหารทะเลด้วยรถไฟ 180 กิโลเมตรโดยเชื่อมทะเลสองฝั่ง คืออ่าวไทย/ทะเลอันดามัน ระหว่างไทย/เมียนมา หากทำได้จะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ชาวประมงเเละชาวประจวบฯ จากปีละพันล้านเป็นหมื่นล้านบาทให้เกิดขึ้นให้ได้ 

 

"พรรคยังไปตรวจเยี่ยมสวนมะพร้าวที่ อ.ทับสะแก เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานแปรรูปมะพร้าวครบวงจรในเชิงวิสาหกิจชุมชนที่ชาวสวนมะพร้าวเป็นหุ้นส่วน เเละจัดให้มีทีมบริหารมืออาขีพที่เจาะตลาดโลกเเละต้องประเมินรวมทั้งประสานตลาดต่างประเทศได้ว่าเเต่ละปีต้องการมะพร้าวเท่าใดเเละแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใดบ้าง ชาวสวนมะพร้าวจะได้รับรู้ความต้องการมะพร้าวของตลาดโลก" นายวิชิต กล่าว

 

"พรรคเศรษฐกิจไทย" ลุยเมืองสามอ่าว เปิดโมเดลพลิกโฉมประจวบฯ ชงแก้น้ำมันแพง

 

"หากพรรคได้รับโอกาสจากประชาชนเเละชาวประจวบฯ พรรคดำเนินการสิ่งที่ประชาชนสะท้อนมาทันที ///เพราะเม็ดเงินดังกล่าวจะสร้างจีดีพีให้ประเทศและรายได้ให้ประชาชนจ.ประจวบฯ จำนวนมาก และพื้นที่จะมีงบประมาณพัฒนาตัวเองโดยพึ่งพารัฐบาลน้อยที่สุด แต่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืนหากสิ่งที่ผมและพรรคเศรษฐกิจไทยลงพื้นที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ส.ส.ในเร็ววันนี้" นายวิชิตกล่าว

 

"รองหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย" กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ตนในฐานะประธานยุทธศาสตร์และนโยบายพรรคเศรษฐกิจไทย และประธานคณะพลิกโฉมพลังงาน ได้ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบาย พรรคเศรษฐกิจไทยจากปัญหาเร่งด่วนข้อหนึ่งที่ประชาชนสะท้อนมาคือ ราคาน้ำมันที่แพงจนกระทบชีวิตประชาชนแทบทุกด้าน โดยที่ประชุมคณะทำงานพลิกโฉมพลังงาน ได้ข้อสรุปและเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงซึ่งเป็นความเดือดร้อนของประชาชนอันดับต้นในช่วงนี้ต่อรัฐบาลดังนี้ 

 

"นายวิชิต" กล่าวว่า ประเทศไทยมีโรงกลั่นน้ำมันจำนวน 6 โรง แต่กลับมีการตั้งราคาโรงกลั่นอ้างอิงราคาจากสิงคโปร์ ในการนี้การกลั่นน้ำมัน และขายน้ำมันภายในประเทศ โดยไม่มีการขนส่งไปยังสิงคโปร์ รวมถึง ค่าประกันภัย ค่าสูญเสียระหว่างการขนส่ง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทำให้โรงกลั่นได้รับกำไรสูงประกอบกับราคาค่ากลั่นจากปี ค.ศ. 2020 ลิตรละ 0.70 บาท ปัจจุบันค่ากลั่นลิตรละ 5.56 บาท ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน คณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค ขอเสนอให้รัฐบาลดำเนินการ

 

"พรรคเศรษฐกิจไทย" ลุยเมืองสามอ่าว เปิดโมเดลพลิกโฉมประจวบฯ ชงแก้น้ำมันแพง

 

"1. ขอให้กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และคนไทยผู้ถือหุ้นที่จิตสำนึกรักชาติ เสนอ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ลดราคาค่าการกลั่นลงลิตรละ 3 บาท เพื่อช่วยเหลือประชาชน และธุรกิจไทย

 

2. ขอให้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาราชการนายกรัฐมนตรี ออกพระราชกำหนดเพื่อเก็บภาษีลาภลอย อัตราร้อยละ 30 (Windfall tax) และให้รัฐบาลได้ทบทวนนโยบายพลังงานให้สามารถปรับลดที่เอื้อต่อโครงสร้างราคาที่เหมาะสม เสนอทางแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อค่าครองชีพ และหนี้สินครัวเรือนของประชาชนที่สูงขึ้น

 

3. ขอให้การแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง ถือเป็นปัญหาสำคัญเบื้องต้น ซึ่งพรรคจะมีการนำเสนอการแก้ไขราคาพลังงานอื่นๆ เช่น ราคาก๊าชหุงต้ม ราคาไฟฟ้า เป็นลำดับถัดไป

 

4. ขอให้มีการเปิดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนในการเสนอแนะแนวทางแก้ไขราคาน้ำมันแพง และราคาพลังงานต่างๆ ที่กระทบต่อค่าครองชีพของประชาชน และเป็นการส่งเสริมหลักประชาธิปไตยให้ส่งผลเป็นรูปธรรม" นายวิชิต  กล่าว

logoline