svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสงครามกลางเมืองเมียนมา "ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร"

28 ตุลาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

การเปลี่ยนแปลงโครงการสร้างสงครามกลางเมืองเมียนมา: กรณี โจมตีพื้นที่ อ่ะนางปา ในรัฐคะฉิ่น เป้าหมายที่กำลังส่งผลกระทบร้ายแรง ติดามในเจาะประเด็นร้อน โดย "ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร"

 

ความพยายามของรัฐบาลทหารเมียนมาในการชักชวนให้กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์หันเข้ามาร่วมเจรจาและสร้างกระบวนการสันติภาพให้เกิดความต่อเนื่องภายหลังจากการรัฐประหารเป็นต้นมานั้น สวนทางกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 ตุลาคมที่ผ่านมา

 

นั่นคือ การทิ้งระเบิดในพื้นที่ อ่ะนางปา ซึ่งเป็นแหล่งพักผ่อนของนักเดินทางอยู่ในเขตพื้นที่ของ กองทัพคะฉิ่นอิสระ ซึ่งในขณะกิดเหตุการณ์นั้นมีการเฉลิมฉลองจัดตั้งองค์กรอิสระคะฉิ่น ครบรอบ 62 ปี หากพิจารณาบริบทของสถานการณ์แล้วจะพบว่าการต่อสู้ของกองกำลังคะฉิ่นกับรัฐบาลทหารเมียนมานั้นมีอยู่อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ได้รับเอกราชเป็นต้นมา

 

อย่างไรก็ตาม จุดเด่นของกองทัพคะฉิ่น หรือ KIA นั่นก็คือเป็นกองกำลังที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย และเป็นกองกำลังที่เปิดกว้างต่อการพัฒนาและรูปแบบการสร้างประเทศให้ทันสมัยตามมาตรฐานสากล แม้ว่าในพื้นที่จะมีปัญหาในแง่ของการทำกิจการขุดเหมือนแร่ ซึ่งในหลายครั้งก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมแร่ถล่มด้วยเช่นเดียวกัน

 

ในบริบทการดูแลประชาชนแล้วจะพบว่าในพื้นที่ของรัฐกะฉิ่นแม้ว่ากองกำลังของทหารเมียนมาจะไม่สามารถเข้ายึดพื้นที่ได้แต่ในส่วนของกองกำลังของคะฉิ่นถือได้ว่ามีศักยภาพในการดูแลประชาชนของตนเองเป็นอย่างดีโดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพด้านการศึกษา


ท่าทีของกองกำลังอิสระแห่งคะฉิ่นหรือ KIA ซึ่งเป็นปีกทางทหารและองค์กรอิสระคะฉิ่น KIO ซึ่งเป็นปีกทางด้านการเมืองนั้นมีความน่าสนใจนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 เป็นต้นมาเนื่องจากได้ให้ความร่วมมือในการเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ หรือรัฐบาลเงาของเมียนมาในการต่อสู้และโค่นล้มรัฐบาลทหารหรือ SAC การปฏิบัติการของกองกำลังคะฉิ่นที่ผ่านมาถือได้ว่าสร้างแรงกดดันต่อกองทัพเมียนมาได้อย่างต่อเนื่อง

 

ทั้งการต่อสู้ ในพื้นที่รอยต่อกับรัฐและเขตปกครองของกลุ่มชาติพันธุ์พันธมิตร โดยเฉพาะการให้การสนับสนุนกองกำลังชาติพันธุ์อื่นๆในทางยุทธศาสตร์ กล่าวได้ว่า จุดแข็งที่สุดของกองกำลังคะฉิ่น คือการสร้างปีกพันธมิตรได้อย่างกว้างขวางทั้งในแง่กับการพูดคุยกับกลุ่มกองกำลังในแนวร่วม FPNCC โดยเฉพาะกลุ่มว้า รวมทั้งการเป็นกลุ่มที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยสามารถสร้างช่องทางพูดคุยกับแนวร่วมในกลุ่มประเทศตะวันตกได้เป็นอย่างดี

 

อาจกล่าวได้ว่า กองกำลังของคะฉิ่นคือเสาหลักที่สำคัญในการต่อสู้กับรัฐบาลทหารเมียนมา ในปัจจุบันโดยเฉพาะการเป็นผู้นำในการปิดล้อมกองทัพเมียนมาในพื้นที่ภาคเหนือ


    
จากสาเหตุดังกล่าวนี้จึงไม่น่าแปลกใจนัก หากกองทัพเมียนมาจะพิจารณาว่ายุทธศาสตร์ในการปราบปรามฝ่ายต่อต้านที่สำคัญคือการตัดกำลังการสนับสนุนจากกองกำลังคะฉิ่นต่อกองกำลังปกป้องประชาชนในพื้นที่อื่นๆในเขตภาคเหนือ ซึ่งจะสามารถลดทอนความเข้มแข็งทางด้านการทหารลงได้

 

ที่ผ่านมานั้น สิ่งที่กองกำลังกะฉิ่นอิสระประสบความสำเร็จอย่างมากในการต่อสู้ทางด้านการการกลับกองทัพเมียนมานั่นก็คือ การไม่เปิดพื้นที่ให้มีการโจมตีทางด้านอากาศต่อเขตที่ตั้งทางทหารของกองทัพกะฉิ่น ทั้งการกระจายตัวในเขตพื้นที่ป่าและการรบนอกเขตพื้นที่ควบคุม
    
การหันกลับมาตอบโต้กองกำลังคะฉิ่นด้วยการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ อะนั่งปา ใกล้เขตพื้นที่การควบคุมของกองพัน 6 กองพลที่ 9 ประมาณ 10 กิโลเมตร ในขณะที่มีการเฉลิมฉลองครบรอบ 62 ปี การก่อตั้งองค์กรอิสระคะฉิ่นทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 80 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือนนั้น ก่อให้เกิดผลกระทบที่น่าสนใจว่า การขับเคลื่อนและโครงสร้างการต่อสู้ในสงครามกลางเมืองของเมียนมาจะพัฒนาการไปในทิศทางใด? โดยอย่างน้อยที่สุดเหตุการณ์ดังกล่าวนี้จากก่อให้เกิดผลกระทบ 3 ประการ กล่าวคือ


    
ประการแรก แนวโน้มการเจรจาหยุดยิงกับกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ 4 กลุ่มหลักได้แก่ กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ของคะฉิ่น(KIA) กลุ่มกองกำลังของกลุ่มชาติพันธุ์ชิน(CNF) กลุ่มกองกำลังของกลุ่มชาติพันธุ์คะยาห์(KNPP) กลุ่มกองกำลังของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง(KNU)  ซึ่งได้ร่วมมือกับรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ(NUG) มีความเป็นไป ได้น้อยลง ในทางตรงกันข้าม โศกนาฏกรรมดังกล่าวจะทำให้เกิดการลุกฮือต่อสู้ขึ้นในหลากหลายพื้นที่ ซึ่งจะเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้ในเขตพื้นที่ของกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ กะเหรี่ยง

 

แนวโน้มการขยายตัวของสงครามกลางเมืองซึ่งมีปฏิบัติการการพยายามเข้ายึดเขตพื้นที่สำคัญ เช่น ในเขตพื้นที่ ของกองพลที่ 6 ของกองกำลังกะเหรี่ยงในเขตจังหวัดเมียวดีซึ่งมีความพยายามที่จะยึดครองที่ตั้งของทางราชการ อันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการรบในอดีตที่มีเฉพาะเขตป่าเท่านั้น


    
ประการที่สอง ความคาดหวังกองทัพเมียนมาจะจัดการเลือกตั้งภายในกลางปีหน้าว่าจะสามารถสร้างความชอบธรรมและจะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ด้วยเช่นเดียวกัน ในทางตรงกันข้ามการลุกฮือและการต่อต้านก่อนถึงระยะเวลาการเลือกตั้งและแม้ว่าจะมีการเลือกตั้งแล้ว การโหมกระพือการต่อสู้เพื่อโค่นล้มกองทัพเมียนมาจะมีเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ

 

ยิ่งไปกว่านั้น การเดินหน้าปราบปรามฝ่ายต่อต้านโดยไม่จำกัดเขตพื้นที่หรือแม้แต่กระทั่งเป้าหมายในการโจมตีอย่างชัดเจนทำให้เกิดโศกนาฎกรรมแก่ประชาชนจะยิ่งกลายเป็นการสลายแนวร่วมหรือผู้ที่ให้การสนับสนุนรัฐโดยตรง ทั้งนี้จะพบว่า เมื่อประชาชนไม่สนับสนุนกองทัพแล้วในแง่ยุทธวิธีทางด้านทหารจะยิ่งกลายเป็นแรงซ้ำเติมทำให้กองทัพเมียนมาไม่สามารถเกณฑ์กำลังพลมาสนับสนุนกองทัพทดแทนการสูญเสีย ซึ่งในปัจจุบันนี้มีเป็นจำนวนมาก


    
ประการที่สาม การโจมตีกลุ่มชาติพันธุ์คะฉิ่น ซึ่งก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมความสูญเสียแก่พลเรือนเป็นจำนวนมากนั้นย่อมก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจ ให้เกิดขึ้น กับ FPNCC ด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องจากกองกำลังของคะฉิ่นนั้นเป็นกลุ่มกองกำลังแนวร่วมที่สำคัญใน FPNCC ซึ่งเป็นพันธมิตร ทางด้านการทหารและการเมืองที่แข็งแกร่งมากที่สุดในเมียนมา ณ ปัจจุบัน  

 

โดยเฉพาะกองกำลังของกลุ่มชาติพันธุ์ว้า หรือ UWSA แม้ว่า ในห้วงปีที่ผ่านมากองทัพเมียนมามีความพยายามที่จะผูกมิตรกับ หลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ ที่อยู่ในแนวร่วม FPNCC แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ จะก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนต่อสายสัมพันธ์หรือแม้แต่กระทั่งความไว้วางใจ ในระยะยาวต่อกองทัพเมียนมา โดยเฉพาะในปีกที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรภาคเหนือเดิม


    
ในอีกด้านหนึ่ง ผลกระทบสามประการต่อโครงสร้างสงคราม กลางเมือง ในเมียนมาในข้างต้นก่อให้เกิดผลกระทบที่สำคัญต่อการดำรงสถานะของประเทศไทยต่อความขัดแย้งในเมียนมาด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะ ก่อนการประชุม APEC  การสร้างมาตรการเฝ้าระวังของประเทศไทยยังมีความจำเป็นจะต้องให้ความสนใจต่อการพยายามเรียกร้องความสนใจจากประชาคมโลกต่อสถานการณ์ในเมียนมา ทั้งโดยวิธีการสันติและวิธีการที่ไม่พึงประสงค์

 

เนื่องจากการประชุมดังกล่าวนี้เป็นการรวมศูนย์กลางของการประชุมผู้นำโลก และในปัจจุบันนี้การทำให้สงครามกลางเมืองในเมียนมาได้รับความสำคัญเทียบเท่ากับวิกฤติยูเครนกลายเป็นอีกเป้าประสงค์หนึ่งของยุทธวิธีการต่อสู้นั่นเอง
    

logoline