svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

"ยกเลิกกฎหมายล้าสมัย" ส่วนหนึ่งกิโยตินกฎหมาย โดย ส.ว.พลเดช  ปิ่นประทีป

12 มิถุนายน 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

การยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัย เป็นส่วนหนึ่งของโครงการกิโยตีนกฎหมาย (Regulatory Guillotine) และการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ซึ่ง พรบ.ที่ถูกยกเลิกในชุดนี้ประกอบด้วย 7 ฉบับ ติดตามได้ที่เจาะประเด็น โดย พลเดช ปิ่นประทีป

 

วันแรกที่เปิดสมัยประชุม วุฒิสภาได้พิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) พรบ.ยกเลิกกฎหมายบางฉบับที่หมดความจำเป็นหรือซ้ำซ้อนกับกฎหมายอื่น พ.ศ... ตามที่รัฐบาลเสนอและผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว


การยกเลิกกฎหมายที่ล้าสมัย เป็นส่วนหนึ่งของโครงการกิโยตีนกฎหมาย (Regulatory Guillotine) และการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ซึ่ง พรบ.ที่ถูกยกเลิกในชุดนี้ประกอบด้วย ๗ ฉบับ ได้แก่


๑.    พระราชบัญญัติจัดการฝึกและอบรมเด็กบางจำพวก พ.ศ.๒๔๙๗


๒.    พระราชบัญญัติจัดการฝึกและอบรมเด็กบางจำพวก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๐๑


๓.     พระราชกำหนดควบคุมและดำเนินงานภารธุระการทำเหมืองแร่ทองคำ พ.ศ.๒๔๘๓


๔.    พระราชบัญญัติส่งเสริมกิจการไฟฟ้า พ.ศ.๒๔๘๔


๕.    พระราชกำหนดกำหนดวิธีปฏิบัติแก่บุคคลซึ่งเผยแพร่ข่าวอันเป็นการทำให้เสียสัมพันธ์ไมตรีระหว่างประเทศไทยกับประเทศที่มีสนธิสัญญาทางไมตรีกับประเทศไทยในภาวะสงคราม พ.ศ.๒๔๘๘


๖.    พระราชกำหนดกำหนดวิธีการระงับการค้ากำไรเกินสมควรจากราชการ พ.ศ.๒๔๙๑

 

๗.    พระราชบัญญัติการผลิตผลิตภัณฑ์ซีดี พ.ศ.๒๕๔๘

 

เชื่อว่า เมื่อใครได้อ่านรายชื่อกฎหมายทั้ง ๗ ฉบับนี้แล้ว ก็คงจินตนาการได้ว่าเป็นกฎหมายที่ล้าสมัยไปหมดแล้ว หรือมีกฎหมายอื่นเข้ามาทดแทนได้หมดแล้ว เพราะหลายฉบับเป็นกฎหมายในยุคสงครามโลกครั้งที่ ๒  บางฉบับออกในระยะหลังจากนั้น แต่สถานการณ์ปัญหาและเทคโนโลยีมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว จึงเป็นหน้าที่และอำนาจของรัฐที่จะต้องชำระสะสางหรือโละทิ้งกันไป ทั้งนี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ


รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๖๐ ระบุว่า  

"มาตรา ๗๗  รัฐพึงจัดให้มีกฎหมายเพียงเท่าที่จําเป็น และยกเลิกหรือปรับปรุงกฎหมายที่หมดความจําเป็นหรือไม่สอดคล้องกับสภาพการณ์ หรือที่เป็นอุปสรรคต่อการดํารงชีวิตหรือการประกอบอาชีพโดยไม่ชักช้าเพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชน และดําเนินการให้ประชาชนเข้าถึงตัวบทกฎหมายต่าง ๆ ได้โดยสะดวกและสามารถเข้าใจกฎหมายได้ง่ายเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายได้อย่างถูกต้องก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง วิเคราะห์ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมายอย่างรอบด้านและเป็นระบบ รวมทั้งเปิดเผยผลการรับฟังความคิดเห็น และการวิเคราะห์นั้นต่อประชาชน และนํามาประกอบการพิจารณาในกระบวนการตรากฎหมายทุกขั้นตอน เมื่อกฎหมายมีผลใช้บังคับแล้ว รัฐพึงจัดให้มีการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมายทุกรอบระยะเวลาที่กําหนด โดยรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้องประกอบด้วย เพื่อพัฒนากฎหมายทุกฉบับให้สอดคล้องและเหมาะสม กับบริบทต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป รัฐพึงใช้ระบบอนุญาตและระบบคณะกรรมการในกฎหมายเฉพาะกรณีที่จําเป็น พึงกําหนดหลักเกณฑ์ การใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐและระยะเวลาในการดําเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ ที่บัญญัติไว้ ในกฎหมายให้ชัดเจนและพึงกําหนดโทษอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง"

 

นั่นย่อมหมายความว่า ในการที่จะยกเลิกกฎหมายฉบับใด หรือการเสนอร่างกฎหมายใหม่ จะต้องมีกระบวนการที่พิถีพิถันรอบคอบมาแล้วตามลำดับขั้นตอน ในเรื่องนี้หลายฝ่ายอาจรู้สึกหงุดหงิด ไม่ทันใจ แต่ก็ควรเข้าใจที่มาที่ไปและเห็นใจต่อกระบวนการทำงานของทางราชการ


เช่นเดียวกับในคราวนี้  นอกจากเห็นชอบให้ยกเลิกกฎหมายทั้ง ๗ ฉบับนี้แล้ว กรรมาธิการวิสามัญของวุฒิสภาและการอภิปรายของ ส.ว.ในที่ประชุม ยังได้หยิบกฎหมายอื่นอีก ๔ ฉบับขึ้นมาประกอบ โดยจะขอพ่วงเข้าไปด้วย แต่ก็ถูกตีตกไปด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ต้องรอการพิจารณากันตามขั้นตอนเสียก่อน ได้แก่


-    พระราชบัญญัติควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง พ.ศ.๒๔๙๓ มีเจตนารมณ์เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและป้องกันความเดือดร้อนรำคาญหรือผลกระทบที่จะเกิดแก่ประชาชน ทุกหน่วยงานเห็นพ้องกันว่าสร้างภาระแก่ประชาชนในการขออนุญาต และโลกเทคโนโลยีมันเปลี่ยนไปมากแล้ว 


-    พระราชบัญญัติสงเคราะห์ผู้ประสบภัยจากการรบ พ.ศ.๒๔๙๙  เป็นกฎหมายที่จำเป็นในยุคสงครามโลกครั้งที่ ๒ แต่ปัจจุบันมี พรบ.สงเคราะห์ผู้ประสบภัยเนื่องจากการช่วยเหลือราชการการปฏิบัติงานของชาติ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่มนุษยธรรม พ.ศ.๒๕๔๓ ขึ้นมาแทนแล้ว


-    พระราชบัญญัติคืนฐานะเดิมแก่ข้าราชการพลเรือน ทหาร หรือตำรวจ ซึ่งกระทำการต่อต้านการดำเนินการสงครามของญี่ปุ่น  พ.ศ.๒๔๘๙ นี่ก็เป็นกฎหมายยุคสงครามญี่ปุ่นโน่น


-    พระราชบัญญัติกำจัดผักตบชวา พ.ศ.๒๔๕๖ อันนี้น่าสนใจเชิงขำขัน เพื่อนสมาชิกวุฒิสภาอภิปรายว่า ในยุคนั้นมีปัญหาผักตบชวามากจนต้องออกกฎหมาย เพื่อให้ใครที่มีบ้านเรือนอยู่ริมน้ำต้องมีหน้าที่กำจัดผักตบชวาที่ลอยน้ำมาผ่าน ถ้าไม่ทำมีโทษปรับ ๑๐ บาท (สมัยนั้นคงมีค่ามากโข)
 

logoline