รายการคมชัดลึก เนชั่นทีวี โดย วราวิทย์ ฉิมมณี พิธีกรรายการ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ "สุรพล เกียรติไชยากร อดีตส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ที่ถูกกกต.ให้ใบส้ม แต่เมื่อศาลจังหวัดฮอตมีคำสั่งศาลออกมาเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ทำให้ "สุรพล" ได้กลับเข้าสู่เส้นทางเลือกตั้งส.ส.อีกครั้ง
"สุรพล" - วันที่ 23 เมษายน 2562 กกต.แจกใบส้มให้กับผม โดยกล่าวหาว่า ผมผิดมาตราพ.ร.บ.เลือกตั้งมาตรา 73( 2) ก็คือเป็นการให้สิ่งของเงินทองให้กับกลุ่มครับ เป็นการซื้อเสียงทางตรงและทางอ้อมอันนี้คือเหตุที่กกต.แจกใบส้มให้กับผม แต่ข้อเท็จจริงแล้วไม่ใช่ ไม่ได้เป็นไปตามที่กกต.วินิจฉัย เนื่องจากว่าครูบา 3 ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดดอยพระเจ้าฟ้าเป็นเกจิอาจารย์ ผมเป็นลูกศิษย์เป็นอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือวันที่ 15 กุมภาพันธ์เป็นวันเกิดครับ พออยู่ในระหว่างการเลือกตั้งผมทราบดีครับว่าพ.ร.บ.เลือกตั้งกำหนดไว้
เราจะไม่ทำอะไรเอิกเกริกเพราะฉะนั้นก็ขึ้นไปพบขอ กราบครูบาที่วัดดอยพระเจ้าฟ้า ปรากฎพอขึ้นไปถึง ลูกศิษย์บอกว่าครูบามาเป็นประธานในงานทอดผ้าป่าที่บ้านกูฮ้อหมู่ 19 บ้านเมืองกลาง พอไปถึงก็เพิ่งทราบว่าผ้าป่าเสร็จหมดแล้วครูบาก็กำลังเตรียมจะกลับวัด ผมขึ้นไปที่ห้องประชุมชั้น 2 ก็เหลือประชาชนกับกรรมการกำลังตรวจนับเงินผ้าป่าอยู่สัก 6-7 คนอีกมุมนึง ผมก็นิมนต์ครูบานั่งลงแล้วก็ขอกราบนิมนต์ครูบาว่าวันนี้ได้นำปัจจัยมาถวายค่าเทียนที่บูชาเมตตาทำให้ พร้อมกับนาฬิกาที่ครูบาเมตตาขอไว้เป็นการถวายส่วนตัวครับ แล้วก็กราบครูบาขอรับพรเพราะว่าพรุ่งนี้เป็นวันเกิดครูบาก็เมตตาให้พร
วราวิทย์ - จำนวนเงินที่คุณสุรพลถวายไปก็คือ 2,000 บาทถูกต้องไหมครับ
"สุรพล" - 2,000 บาท แต่ครูบาไม่ทราบว่ามีเท่าไหร่เพราะ อยู้ในซองไม่ได้แกะ
วราวิทย์ - แล้วในงานนั้นมีประชาชนมางานด้วยปกติแต่ก็เตรียมจะกลับกันหมด แล้วคุณสุรพลตามมาภายหลัง
"สุรพล" - ประชาชนกลับไปหมดแล้วครับ เหลือแต่กรรมการตรวจนับเงินผ้าป่าอยู่ประมาณ 7 คน แต่มีผู้นำยังไม่กลับก็คือมีท่านสมาชิกอบจ.จังหวัดเชียงใหม่ คุณยงยุทธ ยาวิชัย และท่านนายกก่อชิ เพชรไพรพนาวัลย์ ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านหลวง รวมทั้งอดีตกำนัน
วราวิทย์ - คือจากเหตุการณ์วันนั้น 15 กุมภาพันธ์เป็นวันเกิดคุณสุรพล ถวายปัจจัยให้พระที่เป็นลูกศิษย์ลูกหากันมายาวนาน 2,000 บาท บวกกับนาฬิกาที่เครื่องเก่ามันเสียไป แล้วตรงนั้นมีคนเอาไปร้องกกต.ว่าเป็นการซื้อเสียงด้วยทางตรงหรือทางอ้อมได้ก็แล้วแต่เนี่ย ทำให้ผ่านการเลือกตั้งไปแล้วคุณสุรพลได้คะแนนมากที่สุดแต่ว่ากกต.ใช้อำนาจแจกใบส้มก็คือจะถอนสิทธิ์ในการรับสมัครเลือกตั้งคุณสุรพล 1 ปีถูกไหมครับ
"สุรพล" - ใช่ครับเป็นการถอนสิทธิ์ชั่วคราว 1 ปี
วราวิทย์ - แต่ทีนี้ถ้าจะนำไปสู่การตัดสิทธิ์ "กกต." ต้องยื่นไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อตัดสิทธิ์คุณสุรพล คือช่วยรับรองสิ่งที่กกต. ให้ใบส้ม ปรากฏว่าศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งยกคำร้อง ศาลให้เหตุผลว่ายังไงในการยกคำร้องว่าเงิน 2,000 บาทไม่ใช่การซื้อเสียง
"สุรพล" - ศาลก็วินิจฉัยอย่างรอบคอบผมต้องกราบขอบพระคุณที่ได้รับความยุติธรรมจากศาลฎีกา องค์คณะท่านได้พิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะว่าก่อนที่จะมีการอ่านคำพิพากษาก็มีพยานจากจอมทอง ไปให้ปากคำกับศาลฎีกาครับ เมื่อรับพรจากพระสงฆ์แล้วก็ถือว่าปัจจัยทั้งหมดจะเป็นปัจจัยของพระสงฆ์
วราวิทย์ - ตอนคุณสุรพลถวายปัจจัยไปแล้วได้พูดหาเสียงอะไรตอนนั้นหลังงานนั้นหรือเปล่าครับ
"สุรพล" - ไม่มีครับ พูดทักทายชาวบ้านปกติและพูดถึงเรื่องการถวายบุญ เป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้แนะนำตัวเพราะว่าผมเป็น ส.ส. 8 สมัย
วราวิทย์ - คนที่เห็นเหตุการณ์ก็เลยไปเป็นพยานให้ในชั้นศาลใช่ไหมครับ พอศาลฎีกาพิพากษาว่าไม่ได้เป็นการซื้อสิทธิ์ขายเสียงเหมือนคำกล่าวหาของกกต. ก็เลยยกคำร้อง พอยกคำร้องเสร็จคุณสุรพลก็เลยมาฟ้องที่ศาลจังหวัดฮอดที่เชียงใหม่ เรียกค่าเยียวยาไปเท่าไหร่นะครับ
"สุรพล" - ตามหลักสากลในเมื่อเราไม่มีความผิดกกต.จะต้องคืนสิทธิ์ในการเป็นส.ส.ให้กับผม และคืนมาให้กับเขตเลือกตั้งที่ 8 เชียงใหม่ที่ชาวบ้านได้กรุณาให้คะแนนถึง 52,165 คะแนน แต่กกต.เพิกเฉยมีชาวบ้านร้องเรียนเรียกร้องความเป็นธรรมที่ทำงานกกต.จังหวัดเชียงใหม่เป็นจำนวนมากทั้ง 4 อำเภอ เข้าไปร้องแต่ไม่รับความสนใจจาก กกต. ในที่สุดแล้วผมจึงนำคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกเลือกตั้ง มายื่นฟ้องที่ศาลจังหวัดฮอดเป็นศาลแพ่ง ฟ้องแพ่งเพื่อให้กกต.ได้รับทราบว่าสิ่งที่คุณตัดสินใจผิดพลาดจำเป็นจะต้องชดเชยเยียวยาค่าเสียหายให้กับผม ที่ไม่มีโอกาสได้ไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร
วราวิทย์ - เรียกค่าเสียหายครั้งแรกไปเท่าไหร่
"สุรพล" - ครั้งแรกเรียกไปทั้งหมด 86 ล้านบาท คิดบนฐานจากเงินเดือนค่าใช้จ่ายที่จะได้รับ รวมทั้งค่าเลือกตั้ง 1,500,000 กว่าบาท รวมทั้งค่าทนายที่ยื่นฟ้อง รวมทั้งเรียกค่าเสียหายในเกียรติยศชื่อเสียงที่ผมเป็นส.ส.มา 8 สมัยได้รับเลือกตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา ทางศาลได้วินิจฉัยทั้งหมด
วราวิทย์ - เรียกไป 86 ล้านสุดท้ายศาลตัดสินมา 64 ล้านบวกดอกเบี้ยก็เกือบ 70 ล้านถูกต้องไหมครับ
"สุรพล" - ถูกต้องครับโดยศาลก็ให้แยกแยะทั้งหมด ว่าเป็นความผิดพลาดของกกต.ที่วินิจฉัยไม่รอบคอบรวบรัดเร่งรีบ จนกระทั่งเกิดความเสียหายให้กับนักการเมืองคนหนึ่งที่เป็นส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ทำให้เสียประโยชน์ทั้งพรรคเพื่อไทยและตัวส.ส.สุรพล เกียรติไชยากร เสียโอกาสทำหน้าที่ให้กับประชาชนในสภาผู้แทนราษฎร ศาลยุติธรรมจึงให้ความเป็นธรรม ได้ความยุติธรรมคืนมาให้กับประชาชนเขตเลือกตั้งที่ 8 และคืนศักดิ์ศรีให้กับส.ส.สุรพล ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์