หลังจากที่รัฐสภาได้พิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มาตรา 83 86 และ 91 ผ่านไปเรียบร้อยแล้วเมื่อปลายปีที่แล้ว บัดนี้ถึงเวลาต้องแก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดใน "พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง" พ.ศ.2560 ให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ดังกล่าว
ในคราวการประชุมร่วมรัฐสภา (สส. และ สว.) ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 มีข้อเสนอญัตติและร่างแก้ไขเพิ่มเติม พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง พ.ศ...จำนวน 4 ฉบับ ได้แก่ 1.ของรัฐบาล 2.ของพรรคเพื่อไทย 3.ของนายวิเชียร ชวลิต และ 4. ของพรรคอนาคตใหม่
ที่ประชุมใหญ่รัฐสภาได้มีการอภิปรายกันอย่างเผ็ดร้อน แต่ในที่สุดเสียงข้างมากของที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบต่อหลักการของร่าง พรป.ที่เสนอมาทั้ง 4 ฉบับ พร้อมกับตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฯ จำนวน 49 ท่าน ให้ไปพิจารณาในรายละเอียด ก่อนที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2 และ 3 ต่อไป
ประเด็นสำคัญที่ประชาชนควรติดตาม
ในร่างแก้ไขเพิ่มเติม พรป.ทั้ง 4 ฉบับ มีประเด็นสำคัญที่จะพิจารณาและประชาชนผู้สนใจควรติดตาม 14 ประเด็น ได้แก่
1.จัดให้มีเลือกตั้ง 2 ระบบ
ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ
2.กำหนดวันและสถานที่ส่งรายชื่อผู้สมัคร
แก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดวันและสถานที่ที่พรรคการเมืองจะส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
3.คณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง
แก้ไขเพิ่มเติมจำนวนคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง
4.วิธีคำนวณ ส.ส.
แก้ไขเพิ่มเติมวิธีการคำนวณจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่แต่ละจังหวัดจะพึงมีและการแบ่งเขตเลือกตั้ง ประเด็นนี้มีข้อถกเถียงกันมากพอสมควรว่า จะใช้วิธีคำนวณแบบไหน มีหลายสูตรหลายระบบวิธีคิด
5.การตรวจสอบสิทธิการสมัครรับเลือกตั้ง
แก้ไขเพิ่มเติมการตรวจสอบสิทธิการสมัครรับเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง(สส.เขต) โดยตัดเรื่องการคำนวณสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อออก
6.จัดทำบัญชีรายชื่อ
แก้ไขเพิ่มเติมการจัดทำบัญชีรายชื่อในส่วนที่เกี่ยวกับจำนวนผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ(สส.ปาร์ตี้ลิสต์)
7.การให้หมายเลขผู้สมัคร
กำหนดให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการให้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มาบังคับใช้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ประเด็นนี้ก็ถกเถียงกันมาก ฝ่ายหนึ่งเสนอให้ใช้เบอร์เดียวกันทั้งแบบเขตและแบบบัญชี อีกฝ่ายว่าทำไม่ได้เพราะไปขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 90 ซึ่งไม่ได้แก้ไขเพิ่มเติมเสียในคราวที่ผ่านมา
8.กำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่าย
แก้ไขเพิ่มเติมการกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและพรรคการเมือง ประเด็นนี้ก็พูดกันเยอะว่าควรกำหนดหรือไม่ต้องกำหนดเลย กำหนดแค่ไหนจึงพอเหมาะ ต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตน
9.ข้อห้ามในการหาเสียง
แก้ไขเพิ่มเติมข้อห้ามในการหาเสียง การออกเสียงลงคะแนน การนับคะแนนและการประกาศผลการนับคะแนน เพื่อให้ครอบคลุมการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ นี่ก็ถกกันมากว่าจะนับคะแนนแบบไหน ที่เขตเลือกตั้งหรือรวมมานับที่อำเภอ ทั้งหมดนี้ก็ลองกันมาทุกรูปแบบแล้ว
10.กรณีจำนวนบัตรกับคะแนนไม่ตรงกัน
แก้ไขเพิ่มเติมการดำเนินการในกรณีที่ผลการนับคะแนนปรากฏว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ตรงกับจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ออกเสียงลงคะแนน
11.การคำนวณสัดส่วน สส.บัญชีรายชื่อ
แก้ไขเพิ่มเติมการคำนวณสัดส่วนเพื่อหาผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
12.การประกาศผล
กำหนดให้มีการประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ
13.การประกาศในราชกิจจานุเบกษา
กำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศผลการเลือกตั้งในราชกิจจานุเบกษาและส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อให้ประธานรัฐสภาทราบ
14.กรณีเลือกตั้งไม่สุจริต
แก้ไขเพิ่มเติมกรณีการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม
ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ประเด็นทั้งหมดที่สรุปมาเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะอยู่ในกรอบของเจตนารมณ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 83 86 และ 91 ที่แก้ไขไป แต่บางส่วนทำท่าจะแหลมออกไปเกินขอบเขตดังกล่าวอย่างจงใจ
จึงเป็นหน้าที่ที่ภาคประชาชนและพลเมืองผู้ตื่นรู้จะต้องติดตามดูว่า สส.และ สว.แต่ละท่าน แต่ละพรรค จะมีท่าทีทรรศนะในเรื่องเหล่านี้กันอย่างไร
และ ผลสุดท้าย มติเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาจะออกมาในหน้าตาอย่างไร