svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

‘พจมาน ดามาพงศ์’ คนข้างกายและผู้เป็นลมใต้ปีกทักษิณ

16 กุมภาพันธ์ 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เธอคือคนที่ทักษิณบอกว่าเป็น love at first sight ภรรยาผู้มีความเด็ดขาดและละเอียดรอบคอบ ดังนั้นเมื่อพูดถึงคนข้างกายคนสำคัญของอดีตนายก ทักษิณ ชินวัตร คงหนีไม่พ้นใครอื่นนอกจาก ‘พจมาน ดามาพงศ์’

ดูจากอาการและหน้าตาที่แสนเบิกบานของ 'แพทองธาร ชินวัตร' หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อถูกนักข่าวถามถึงความรู้สึกที่มีต่อข่าวที่บอกว่า 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี อาจได้รับการพักโทษในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนแน่นอนแล้วว่าคงไม่มีอะไรจะมาขวางกลับเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าได้อีก แม้จะมีข่าวว่าจะถูกอายัดตัวจากกรณีถูกกล่าวหาในความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ก็ตาม

นับตั้งแต่ 'ทักษิณ' เดินทางกลับถึงประเทศไทยตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา ทุกคนในครอบครัวชินวัตร ต่างแสดงความยินดีกันทั้งสิ้น แต่มีคนหนึ่งที่เก็บอาการและไม่เคยแสดงออกเลย คือ  'คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์' อดีตภรรยาของอดีตนายกฯ ทักษิณ แต่ถ้าใครติดตามการเมืองมาตลอดจะรู้ว่าสุภาพสตรีคนนี้เป็นคนพูดน้อยต่อยหนัก ถึงขนาดที่ทักษิณยังต้องยอมอ่อนให้ ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะทักษิณยกย่องว่าคุณหญิงอ้อคือลมใต้ปีกที่ทำให้สามารถบินได้สูงและบินได้ไกลมาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้น หากจะบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่อยู่ในทุกช่วงชีวิตของทักษิณก็คงไม่ผิดนัก

พจมาน ดามาพงศ์

ทักษิณมักบอกเสมอว่าคุณหญิงพจมานนั้นเป็นรักแรกพบ หรือ love at first sight ตั้งแต่ที่ได้พบกันครั้งแรกเมื่อกว่า 50 ปีก่อน ที่ตอนนั้นคุณหญิงพจมานยังเป็นเพียงนักเรียนเซนโยเซฟคอนเวนต์ และทักษิณมีสถานะเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจเท่านั้น เมื่อต้นรักเติบใหญ่มากขึ้นทั้งสองคนตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันและมีลูกด้วยกันสามคน อย่างที่ทุกคนทราบกันดี
 

ทักษิณบรรยายถึงความรู้สึกถึงรักแรกพบที่มีต่อคุณหญิงพจมานในเวลานั้นผ่านหนังสือ 'ตาดูดาว เท้าติดดิน' ตอนหนึ่งว่า "ผมจำได้แม่น ผมพบกับ พจมาน ดามาพงศ์ ครั้งแรกวันที่ 3 พฤษภาคม 2513 วันนั้นเธอสวมกระโปรงชุดสีเขียวตองอ่อนกับดำ รวบผมยาวสลวย ติดโบไว้ข้างหลัง ดวงตาโตฉายแววอ่อนโยนใจดี หากมีประกายเด็ดเดี่ยวเร้นอยู่ เช่นเดียวกับบุคลิกนุ่มนวลที่แฝงความเข้มแข็งในที..."

ทักษิณ ชินวัตร และพจมาน ดามาพงศ์

ชีวิตคู่ของ 'ทักษิณ-พจมาน' เกือบจะใกล้เคียงกับคำว่า สามีทำงานนอกบ้าน ภรรยาดูแลบ้านและลูก เนื่องจากสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของทักษิณนอกจากจะต้องดูแลลูกด้วยแล้ว ยังต้องทำหน้าที่เป็นคู่คิดและกระจกสะท้อนที่สำคัญในวันที่ทักษิณตัดสินใจถอดเครื่องแบบตำรวจ เพื่อสวมสูทเป็นนักธุรกิจอย่างเต็มตัว

อย่างที่ทราบกันดีว่ากว่าที่ 'ทักษิณ' จะประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจด้านโทรคมนาคม ล้มลุกคลุกคลานมาสารพัด 'พจมาน' ที่ตอนนั้นยังไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของอภิมหาเศรษฐี ต้องวิ่งแลกเช็คจนสายตัวแทบขาด เพื่อต่อลมหายใจให้กับธุรกิจของครอบครัว
 

การทำธุรกิจของทักษิณในห้วงเวลานั้นยึดถือหลักบันไดสามขั้นที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ประกอบด้วย ขั้นที่ 1 การหาผู้ร่วมลงทุน หรือ partner เพื่อสร้างเครดิต ขั้นที่ 2 การใช้เครดิตที่มีขยายการทำธุรกิจให้กว้างขึ้น และขั้นที่ 3 การนำธุรกิจเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อจะได้วางมือจากธุรกิจ ซึ่งเป็นปรัชญาที่คุณพจมานสนับสนุนสุดตัว เพราะด้านหนึ่งก็ต้องการจะทำหน้าที่เป็นแม่ของลูกที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเต็มตัวเสียที และวันนั้นก็มาถึง เพราะภายหลังดาวเทียมไทยคม ได้ถูกส่งขึ้นท้องฟ้า 'ทักษิณ' ก็ตัดสินใจวางจากมือจากการบริหารธุรกิจที่ตัวเองสร้างมาในปี 2537

พจมาน ดามาพงศ์ และครอบครัว

นอกบ้าน 'ทักษิณ' คือ ช้างเท้าหน้า แต่ในบ้าน 'พจมาน' คือ ควาญช้าง เพราะเป็นคนวางรากฐานด้านการเรียนและการใช้เงินให้กับลูกทั้งสามคน แม้ว่าที่บ้านจะพอมีฐานะทางการเงินพอสมควรก็ตาม

"คุณแม่เป็นหลักเรื่องหาที่เรียน คุณพ่อก็จะคอยช่วยตัดสินใจ จากการที่แม่เป็นศิษย์เก่าเซนต์โยเซฟ ก็เลยอยากให้ลูกๆ เรียนเซนต์โยฯ ตั้งแต่เด็ก หรืออย่างอนุบาลอุไรรัตน์ ก็คงเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับตอนนั้น คุณแม่จะเป็นคนค่อนข้างอยากให้ลูกเรียนในโรงเรียนที่มีมาตรฐานดี ให้ความสำคัญกับการเรียนของลูกตั้งแต่ต้นเลย แล้วการดูแลก็ใกล้ชิดเหมือนกับเป็นแม่บ้านเต็มตัว”

"มีอย่างหนึ่งที่แม่จะเอาเรื่องหน่อยก็คือ จะซื้ออะไรต้องรู้ราคา สมมติว่าเราซื้ออะไรมา แม่ถามว่านี่ราคาเท่าไหร่ลูก หากตอบไม่ได้ คุณแม่จะดุว่าอย่างนี้ทีหลังไม่ซื้อ ให้เรารู้ค่าของเงิน" เสียงสะท้อนจาก 'พินทองทา ชินวัตร' ผ่านหนังสือ 'คนอื่นเรียกนายกฯ แต่เราเรียก..พ่อ'

ความเป๊ะและความเจ้าระเบียบของคุณหญิงพจมานนั้นไม่ได้เพิ่งมาเกิดขึ้นตอนเป็นแม่หรือเป็นภรรยา แต่ได้หล่อหลอมมาตั้งแต่เป็นวัยเยาว์ในฐานะเป็นลูกนายตำรวจใหญ่ โดย 'พลตำรวจโท เสมอ ดามาพงศ์'  บิดา มักจะมอบหมายให้ลูกสาวคนนี้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการภายในบ้าน โดยเฉพาะการเป็นคนถือเงินเพื่อควบคุมการใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งในมุมนี้ 'ทักษิณ' ก็ยังยอมรับว่าที่คุณหญิงพจมานมีความสามารถและความเด็ดขาดได้ขนาดนี้ เพราะได้ความละเอียดรอบคอบมาจากบิดาและคุณยายที่มีความเป็นเจ้าระเบียบ 

อย่างที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้น คุณหญิงพจมานอยู่ในทุกช่วงชีวิตของชายที่ชื่อทักษิณ ซึ่งไม่เพียงแค่บนเส้นทางของธุรกิจ เพราะแม้แต่ก้าวแรกในทางการเมืองของสามีซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจครอบครัวเริ่มมั่นคงแข็งแกร่ง จนกลายเป็นบุคคลเนื้อหอมที่หลายพรรคการเมืองอยากให้มาร่วมงานด้วย คุณหญิงพจมานก็มีส่วนในการตัดสินใจเช่นกัน

ทักษิณ, พจมาน, และ เสนาะ เทียนทอง

พรรคประชาธิปัตย์เป็นหนึ่งในพรรคการเมืองใหญ่ที่ส่งเทียบเชิญให้มาร่วมงาน 'ทักษิณ' เองก็เกือบจะตัดสินใจเข้าไปสังกัดพรรคเก่าแก่แห่งนี้ เพราะตัวทักษิณก็มีความนิยมชมชอบในการทำงานการเมืองของ 'ชวน หลีกภัย' เป็นทุนเดิม ซึ่งเอาเข้าจริงๆ การทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ก็น่าจะมีความเป็นไปได้ ถ้าไม่เป็นเพราะคุณหญิงพจมานทักท้วงสามีว่าควรจะสร้างคนรุ่นใหม่และวางระบบของธุรกิจครอบครัวชินวัตรให้ลงตัวจนสามารถวางมือเสียก่อน จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องธุรกิจอีก

การทัดทานของผู้เป็นภรรยา ใครจะคิดไปว่าจะทำให้ ‘ทักษิณ-ประชาธิปัตย์’ ไม่มีโอกาสมาบรรจบกันได้นับตั้งแต่นั้น ก่อนที่ภายหลังจะร่วมงานกับพรรคพลังธรรมในเวลาต่อมา และเก็บสะสมประสบการณ์ทางการเมือง จนนำมาสู่การก่อตั้งพรรคไทยรักไทยและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เขียนประวัติศาสตร์ทางการเมืองมากมายอย่างที่เห็น

การมีสามีเป็นนายกรัฐมนตรีทำให้คุณหญิงพจมานเลือกที่จะวางตัวเองถอยออกมาจากงานการเมืองพอสมควร โดยจะออกมาเจอแสงไฟและสื่อมวลชนก็เฉพาะงานสังคม งานสาธารณกุศล ในฐานะคู่สมรสของนายกรัฐมนตรีเท่านั้น

พจมาน ดามาพงศ์

ในตอนหนึ่งของหนังสือ 'ในคืนยะเยือก 7 ขุนพลทักษิณใต้ปฏิบัติการ ลับ ลวง พราง' มีการเผยแพร่บทสัมภาษณ์ของ 'วิษณุ เครืองาม' อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลทักษิณ ที่เอ่ยคุณหญิงพจมานว่า "กับคุณหญิงพจมาน ผมก็ไม่คุ้น แต่ท่านเป็นคนมีน้ำใจ เวลาเจอผมท่านจะถามถึงลูก ถึงภริยา เช่น ลูกเรียนไปถึงไหน จะกลับมาทำอะไร หรือช่วงที่ภริยาผมไปผ่าตัด ท่านก็มาถามว่าผ่าที่ไหน หาหมออะไร มีหมอคนหนึ่งอ้อรู้จัก วันหลังแนะนำให้ไหม คนอื่นไม่เคยมาคุยกับผมเรื่องอย่างนี้”

“แต่สิ่งที่ผมประทับใจท่านเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานแล้ว คือ ท่านเป็นคนไม่แสดงความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยวในยามที่ไม่จำเป็นต้องแสดง ปกติท่านจะพูดว่า 'เหรอคะ จะเอาอย่างไรก็เอา' แต่ยามใดที่ต้องแสดงความเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ซึ่งเราเป็นคนไม่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยวเพราะเกรงใจ แต่ท่านไม่เกรงใจ ท่านแสดงไปเลยว่าเป็นอย่างนี้ วันนั้นท่านพูดกลางวงประชุมว่า 'ไม่ต้องอ้อมค้อม พูดกันตรงๆ ดีกว่า คุณจะเอาอย่างไรกันแน่' ไอ้คำพูดอย่างนี้ตั้งแต่ผมเกิดมาผมไม่เคยพูด ผมเองตกใจอกสั่นขวัญแขวนไปเลย แต่นี่คือลีดเดอร์ชิป" อาจารย์วิษณุบรรยายถึงเอกลักษณ์ของคุณหญิงพจมาน 

ภายใต้ความเงียบขรึมของคุณหญิงพจมาน แต่จังหวะก้าวแต่ละครั้งทำให้หลายคนต่างจับตา โดยเฉพาะ 15 นาทีประวัติศาสตร์ซึ่งเป็นการพบกันระหว่างคุณหญิงพจมาน กับ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ วันที่ 26 ตุลาคม 2549 ซึ่งเพิ่งผ่านเหตุการณ์รัฐประหารล้มรัฐบาลทักษิณมาได้ประมาณหนึ่งเดือน แม้แต่ละฝ่ายจะอ้างว่าเป็นแค่การพูดคุยกันธรรมดาเท่านั้น แต่ภาพประวัติศาสตร์ในครั้งนั้นทำให้คุณหญิงพจมานได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มากคอนเนกชั่นอย่างเป็นทางการ

พจมาน ดามาพงศ์ และครอบครัว

หลายครั้งที่มักจะถูกจับโยงว่าอยู่เบื้องหลังการกำหนดทิศทางของพรรคเพื่อไทยตลอดกว่า 20 ปี รวมไปถึงดีลลับทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับ ‘ทักษิณ’ โดยเฉพาะการเป็นคนเบรกให้อดีตสามีอย่าเพิ่งกลับประเทศไทยตามกำหนดเดิมวันที่ 10 สิงหาคม 2566 เพราะยังมีสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ จากนั้นทักษิณได้ประกาศเลื่อนการเดินทางกลับมาตุภูมิอย่างเป็นทางการ ก่อนสิ้นสุดการรอคอยในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ได้รับการเลือกจากที่ประชุมรัฐสภาให้เป็นนายกรัฐมนตรี

มาเวลานี้นับตั้งแต่ลูกสาวคนเล็ก ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ตัดสินใจลงเล่นการเมืองเหมือนผู้เป็นพ่อ ทำให้เริ่มได้เห็นคุณหญิงพจมานปรากฏตัวยืนเคียงข้างลูกมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต่างอะไรจากเมื่อครั้งทำหน้าที่เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งข้างกายทักษิณเมื่อครั้งเป็นนายกฯ

ทักษิณ ชินวัตร, พจมาน ดามาพงศ์, และแพทองธาร ชินวัตร

ดังนั้น บางทีวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่ถูกคาดหมายว่าจะเป็นวันกลับบ้านจันทร์ส่องหล้าของทักษิณ อาจเป็นเพียงบทสรุปที่นำไปสู่การเริ่มต้นใหม่ของหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกครั้ง โดยยังมีคุณหญิงพจมานรวมอยู่ด้วย เพียงผู้อยู่เบื้องหน้านั้นไม่ใช่ชายที่ชื่อทักษิณ แต่เป็นลูกสาวสุดรักสุดดวงใจอย่าง 'แพทองธาร ชินวัตร’ ที่ทักษิณเคยบอกว่าลูกสาวคนนี้มีดีเอ็นเอของคุณหญิงพจมานอย่างเต็มตัว
 

logoline