svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

รู้จักกับ "โชเฮ โอทานิ" อิล เฟโนมีโน แห่งวงการเบสบอล

14 ธันวาคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

หาก โรนัลโด้ R9 คือ "อิล เฟโนมีโน" หรือผู้เป็น "ปรากฏการณ์" แห่งวงการฟุตบอล ชื่อของ "โชเฮ โอทานิ" นักเบสบอลอัจฉริยะชาวญี่ปุ่นก็น่าจะต้องถูกเปรียบเทียบแบบเดียวกัน และล่าสุดเจ้าตัวก็สร้างปรากฏการณ์เป็นนักกีฬาที่ได้รับค่าจ้างสูงสุดในโลกไปแล้ว ด้วยมูลค่าถึง 700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

"อิล เฟโนมีโน" (Il Fenomeno) มีความหมายว่า "ผู้เป็นปรากฏการณ์" โดยเป็นฉายาที่ยกย่องให้แก่ "โรนัลโด้" ดาวยิงระดับตำนานของโลกชาวบราซิล ที่คอลูกหนังต่างมองว่านี่คือนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก เพียงแต่น่าเสียดายที่หากเจ้าตัวไม่โชคร้ายพบกับปัญหาอาการบาดเจ็บอย่างหนักตลอดอาชีพค้าแข้ง ก็น่าจะคว้าเกียรติยศต่างๆ ทั้งแชมป์และรางวัลส่วนตัวได้มากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดคำว่า "อิล เฟโนมีโน" กลายเป็นที่พูดถึงอีกครั้งกับวงการเบสบอล จากผลงานของ "โชเฮ โอทานิ" สุดยอดนักเบสบอลแห่งยุคปัจจุบัน ที่ถูกยกย่องว่าอยู่ในระดับ "ร้อยปีจะมีสักคน" เพราะสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมทั้งในตำแหน่งตัวรุกและตัวรับ ที่แทบไม่มีใครทำได้มาก่อนในการแข่งขันระดับอาชีพ

และจากความอัจฉริยะของเจ้าตัว ทำให้ล่าสุดเขากลายเป็นนีกกีฬาที่ได้รับค่าจ้างสูงที่สุดในโลกไปแล้ว หลังจากเลือกเซ็นสัญญากับ ลอสแอนเจลิส ดอดเจอร์ส ด้วยมูลค่ามหาศาลถึง 700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 25,000 ล้านบาท)

โชเฮ โอทานิ

"เบสบอล" กีฬาสุดฮิตของญี่ปุ่น
หากจะกล่าวถึงกีฬาเบสบอล หลายคนคงทราบกันดีว่านี่คือกีฬาที่ได้รับความนิยมระดับ Top 3 ของสหรัฐอเมริกา เช่นเดียวกับ อเมริกันฟุตบอล และ บาสเกตบอล ส่วนประเทศอื่นๆแม้จะมีการเล่นกันแต่ก็ไม่ได้เป็นกีฬาอันดับ 1 ของประเทศ อย่างไรก็ตามที่ญี่ปุ่น กีฬาเบสบอลกลับเป็นที่นิยมสูงสุดในระดับเดียวกับกีฬาประจำชาติอย่างซูโม่ และเหนือกว่ากีฬามหาชนอย่าง ฟุตบอล เสียด้วยซ้ำ

เบสบอล เป็นกีฬาสากลชนิดแรกๆที่เข้าสู่ญี่ปุ่น โดยเริ่มเข้ามาตั้งแต่ปี 1872 หลังรัฐบาลยุคเมจิ ต้องการปฏิรูปประเทศให้เป็นสมัยใหม่ผ่านการนำเข้าวิทยาการต่างๆ จากตะวันตก และก็ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐอเมริกาเป็นอย่างดี ไล่มาตั้งแต่การนำทีมรวมดาราของสหรัฐฯที่นำโดยนักเบสบอลระดับตำนานอย่าง เบ๊บ รูธ ไปเล่นโชว์ที่ญี่ปุ่นในปี 1934 ต่อด้วยการตั้งลีกเบสบอลญี่ปุ่นในอีก 2 ปีถัดมา 

และจากนั้น เบสบอล ก็กลายเป็นกีฬาฮอตฮิตของชาวญี่ปุ่น เพราะหากดูจากวัฒนธรรมของญี่ปุ่นแล้ว พวกเขาจะนิยม "ฮีโร่" หรือผู้มีความเป็นเลิศในด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ และสะท้อนไปถึงกีฬาของพวกเขาที่จะนิยมการต่อสู้แบบตัวต่อตัว เช่น ซูโม่ หรือ ยูโด ขณะที่ เบสบอล แม้จะดูเหมือนเป็นกีฬาประเภททีม แต่ในเวลาแข่งขันมันคือการดวลกันตัวต่อตัวระหว่างคนขว้างกับคนตี จึงกลายเป็นกีฬาที่เข้ากับวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี

ภายหลังการตั้งลีก นักกีฬาของพวกเขาก็ยกระดับความสามารถขึ้นเรื่อยๆจนได้โอกาสย้ายมาเล่นใน MLB เริ่มจาก มาซาโนริ มูราคามิ ที่ย้ายมาเป็นคนแรกเมื่อปี 1964 ก่อนที่คนอื่นๆจะย้ายตามมาอย่างต่อเนื่องจนถึงเวลานี้

และความนิยมของ เบสบอล ก็ส่งอิทธิพลมาถึง โชเฮ โอทานิ เช่นเดียวกัน

โชเฮ โอทานิ สมัยเล่นให้ ฮอกไกโด นิปปอน แฮม ไฟเตอร์ส (ภาพ: Japan Times) ประวัติของ โชเฮ โอทานิ
โชเฮย โอทานิ เกิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 1994 ที่เมืองโอชู จังหวัดอิมาเตะ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น เขามีความผูกพันกับเบสบอลมาตั้งแต่เด็กเมื่อจากมีคุณพ่อเป็นนักเบสบอลสมัครเล่น เจ้าตัวจึงได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวเป็นอย่างดีมาตลอด

ด้วยความสามารถอันยอดเยี่ยม ทำให้ โอทานิ ได้รับการจับตามองมาตั้งแต่สมัยมัธยม ก่อนจะได้โอกาสเข้าสู่ลีกเบสบอลอาชีพ (NPB) โดยเล่นให้กับทีม ฮอกไกโด นิปปอน แฮม ไฟเตอร์ส ตั้งแต่อายุได้เพียง 19 ปี และก็ช่วยทีมคว้าแชมป์ได้ในปี 2016 พ่วงตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมหรือ MVP ในปีนั้น ต่อด้วยการติดทีมยอดเยี่ยมถึง 5 สมัยติดต่อกันตั้งแต่ฤดูกาลแรก 2013-2017 

จากนั้น โอทานิ ก็ย้ายมาเล่นในสหรัฐอเมริกา กับทีม ลอสแองเจลิส แองเจิลส์ ในปี 2018 และเพียงแค่ซีซั่นแรกก็คว้ารางวัลรุกกี้ ออฟ เดอะ เยียร์ หรือรางวัลผู้เล่นหน้าใหม่ยอดเยี่ยมมาครองทันที ต่อด้วยการคว้า MVP หรือผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีได้อีก 2 สมัย (2021, 2023) 

สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่
หากจะนึกถึงนักกีฬาสักคนที่ได้รับค่าจ้างสูงที่สุดในโลก คงไม่มีใครคิดว่าจะเป็นนักกีฬาเอเชีย แต่แล้ว โชเฮ โอทานิ ก็ทลายกำแพงความเชื่อนั้นได้เรียบร้อย 

โดยหลังจากเล่นให้ แอลเอ แองเจิลส์ มา 5 ปี โอทานิ ก็หมดสัญญากับทีมและสามารถเลือกไปเล่นให้ทีมใดก็ได้ ทำให้หลายๆทีมต่างก็พยายามยื่นข้อเสนออันงดงามให้เจ้าตัวพิจารณา ซึ่งหากมองที่ความสามารถของเจ้าตัวที่เล่นได้เป็นเลิศทั้งในตำแหน่งตัวตีและตัวขว้าง นั่นหมายถึงการทุ่มค้าจ้างในระดับ 2-3 เท่าจากนักกีฬาคนอื่นก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่รวมถึงมูลค่าการตลาดที่จะตามมา เพราะทีมใดที่ได้ตัว โอทานิ ไป ก็หมายถึงจะได้รับความนิยมจากชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศไปด้วย

และสุดท้าย โอทานิ ก็เลือกเซ็นสัญญากับ ลอสแองเจลิส ดอดเจอร์ส ด้วยมูลค่ามหาศาลถึง 700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 25,000 ล้านบาท) ตลอดสัญญา 10 ปี พร้อมกลายเป็นนักกีฬาที่ได้รับค่าจ้างมูลค่าสูงที่สุดในโลกไปในทันที

Top 5 นักกีฬาที่เซ็นสัญญามูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์

  1. โชเฮ โอทานิ (ลอสแอนเจลิส ดอดเจอร์ส) สัญญา 10 ปี 700 ล้านดอลลาร์ (25,000 ล้านบาท) 
  2. ลิโอเนล เมสซี (บาร์เซโลนา) สัญญา 4 ปี 674 ล้านดอลลาร์ (24,000 ล้านบาท) 
  3. คริสเตียโน โรนัลโด (อัล นาสเซอร์) สัญญา 2.5 ปี 536 ล้านดอลลาร์ (24,000 ล้านบาท) 
  4. แพทริค มาโฮมส์ (แคนซัส ซิตี้ ชีฟส์) สัญญา 10 ปี 450 ล้านดอลลาร์ (16,000 ล้านบาท) 
  5. ไมค์ เทราท์ (ลอสแอนเจลิส แองเจิลส์)สัญญา 12 ปี 426 ล้านดอลลาร์ (15,190 ล้านบาท)

ทีมใดได้ตัว โอทานิ ก็เท่ากับได้แฟนคลับเป็นชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ
แม้จะเป็นสัญญาแพงที่สุดของโลก แต่หลายฝ่ายก็ยังมั่นใจว่า แอลเอ ดอดเจอร์ส "ยิ่งกว่าคุ้ม" กับการเซ็นสัญญาครั้งนี้ เพราะ โอทานิ ยอมที่จะรับค่าจ้างแค่ 2 ล้านเหรียญต่อปีตลอดอายุสัญญา จากนั้นถึงค่อยให้ ดอดเจอร์ส จ่ายส่วนที่เหลือ ปีละ 68 ล้านเหรียญ ไปอีก 10 ปีหลังจากนั้น

ข้อตกลงแบบนี้ทำให้ ดอดเจอร์ส ยังมีที่ว่างในเพดานค่าจ้าง (salary cab) ที่สามารถดึงตัวนักเบสบอลรายอื่นมาเสริมทีมได้อีก แถมในแง่การตลาด พวกเขายังสามารถเร่งทำเงินได้ทั่วโลกหลังได้ โอทานิ มาเล่นให้ในช่วง 10 ปีนี้ แล้วค่อยไปจ่ายคืน (ส่วนที่เหลือของสัญญา) ให้ตัวนักกีฬาในช่วง 10 ปีถัดไป

ขณะที่ทางฝั่งของ โอทานิ เอง การยอมให้ต้นสังกัดจ่ายเงินก้อนใหญ่ในอีก 10 ปีข้างหน้า ก็อาจส่งผลดีต่อตัวเขามากกว่าด้วยซ้ำ เพราะเมื่อถึงเวลานั้นด้วยอายุที่มากขึ้น เจ้าตัวอาจไม่ได้เล่นในสหรัฐฯแล้ว นั่นจะทำให้รายได้ของเขาไม่ต้องถูกหักภาษี (ที่คาดว่าอาจมากกว่า 50%) อีก

โชเฮ โอทานิ ถือเป็นสุดยอดนักกีฬาแห่งยุคของญี่ปุ่น และเป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กมากมายให้หันมาจับไม้เบสบอลเพื่อเดินตามรอยฮีโร่ผู้นี้ และเชื่อว่า ศึก MLB ฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น น่าจะได้รับความนิยมสูงเป็น "ปรากฏการณ์" อย่างแน่นอน

โชเฮ โอทานิ

logoline