svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ไลฟ์สไตล์

Final Fantasy VII Rebirth เกมแห่งความทรงจำที่นำมาขยายให้ยิ่งใหญ่

07 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

Final Fantasy VII Rebirth เกมรีเมคจากเกม Final Fantasy VII กลับมาอีกครั้งในฐานะภาคต่อ ที่เพิ่มความสนุกใหม่ๆ เข้าไป และชวนให้นักเล่นเกมกลับไปย้อนนึกถึงความทรงจำเก่าๆ กันอีกครั้ง

สำหรับคอเกมทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เติบโตผ่านยุค 1990-2000 วันที่ 29 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ของปี 2024 คือวันพิเศษต้อนรับปีอธิกสุรทิน—ปีที่เดือนกุมภาพันธ์จะมีวันเพิ่มขึ้นหนึ่งวัน  หลายคนอาจจะถึงกับขอลางานไปเลย ไม่ใช่เพราะว่าเป็นจังหวะลาหยุดยาวไปพักผ่อนก่อนเข้าสู่ฤดูร้อนจัดของไทย แต่เพราะวันดังกล่าวเป็นวันวางจำหน่ายเกม ‘Final Fantasy VII Rebirth’

หลายคนที่เห็นชื่อเกมดังกล่าวแล้วเกิดอาการงงๆ เราขอเสริมข้อมูลเล็กน้อยว่า Final Fantasy VII Rebirth คือภาคที่สองในเกมฉบับรีเมค (ที่มีโอกาสจะเป็นไตรภาค) จากเกม Final Fantasy VII ต้นฉบับที่วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1997 บนเครื่อง PlayStation

Final Fantasy VII Rebirth

ตัวเกมต้นฉบับคือเกมสวมบทบาทจากประเทศญี่ปุ่น—หรือที่เรียกด้วยตัวย่อว่า JRPG—ยังเป็นเกมภาคแรกของแฟรนไชส์ Final Fantasy ที่เอาโมเดลตัวละคร 3D มาผสมผสานกับฉากหลังแบบ 2D ซึ่ง ณ เวลานั้นถือว่าล้ำสมัย และมีฉากคัตซีนด้วยกราฟิก 3D เต็มรูปแบบ พร้อมดีไซน์ตัวละครกับโลกทัศน์ที่เป็นเอกลักษณ์จดจำได้ทันทีตั้งแต่แรกเห็น
 

ผสมรวมกับเรื่องราวของกลุ่มตัวเอกที่เริ่มต้นด้วยการก่อการร้ายต่อต้านบริษัทนายทุนขนาดยักษ์ ที่ใช้พลังงานของดวงดาวมาเสริมความมั่งคั่งของตนเอง กลายเป็นการเดินทางเพื่อต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตจากห้วงอวกาศที่หมายทำลายดวงดาวของเหล่าตัวเอก ซึ่งดูโดดเด่นกว่าเกมแนว RPG เกมอื่นๆ ในโลก ณ เวลานั้น

Final Fantasy VII Rebirth

การมาถึงแบบถูกที่ถูกเวลาของ Final Fantasy VII ทำให้ทั้งโลกได้จดจำว่า ถึงเกมแนว JRPG อาจจะมีตัวเลือกการกระทำที่ชัดเจน(หรือจำกัด)กว่าเกม RPG ของฝั่งตะวันตก แต่ก็มีการบอกเล่าเรื่องราวของแต่ละตัวละครที่น่าติดตาม ระบบการเล่นที่เข้าใจง่ายแต่ก็ลุ่มลึกเมื่อเล่นจริง กราฟิกของเกมที่ดูดีมากขึ้นกว่าเกมยุค 16 บิต และการบอกเล่าเรื่องราวที่ใกล้เคียงกับภาพยนตร์มากขึ้น เหตุผลเหล่านี้ทำให้ผู้คนจำนวนมาก จดจำเกมนี้อยู่ในห้วงความคำนึงอยู่เสมอ แม้เวลาจะผ่านไปเป็นหลักสิบปีก็ตาม

และสิ่งที่ SquareSoft ก่อนที่จะเปลี่ยนบริษัทมาเป็น Square Enix ในภายหลัง ตอบรับกับแฟนเกม ก็เป็นการสร้างผลงานที่มีเนื้อหาข้างเคียงของเกมหลัก อาทิ เกมภาคแยก, นิยายภาคเสริม, ภาพยนตร์อนิเมชั่นภาคต่อ แต่ถึงจะมีการสร้างผลงานเหล่านั้น แฟนเกมก็ยังร้องขอให้ผู้พัฒนากลับมาสร้างเกม Final Fantasy VII อีกครั้ง 
 

ความต้องการของแฟนเกมเป็นจริงในช่วงปี 2020 เมื่อทาง Square Enix วางจำหน่ายเกม Final Fantasy VII Remake ที่เอาเรื่องราวของเกมต้นฉบับมาบอกเล่าใหม่ แต่ตัวเกมฉบับสร้างใหม่มีเนื้อเรื่องเพียงแค่ส่วนเดียวของเกมต้นฉบับเท่านั้น รวมถึงว่าฉากจบของภาค Remake ยังบ่งชี้ด้วยว่า เรื่องราวในเกมภาคต่อควรจะขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น

Final Fantasy VII Rebirth

แล้วทาง Square Enix ก็เปิดเผยข้อมูลในปี 2023 ว่า Final Fantasy VII Rebirth จะมีการขยายเนื้อหาให้ใหญ่มากขึ้น จากที่เกมภาค Remake เปิดให้ผู้เล่นอยู่ภายในมิดการ์ (Midgar) ที่เป็นเมืองหลักอยู่เพียงสถานที่เดียว ในภาค Rebirth ตัวเกมจะให้ผู้เล่นได้ไปสำรวจสถานที่หลายแห่งมากขึ้น อาทิ คอสตา เดล โซล (Costa del Sol), จูนอน (Junon), โกลด์ซอว์เซอร์ (Gold Saucer), นิเบิลเฮล์ม (Nibelheim) ซึ่งแต่ละแห่งถือว่าเป็นสถานที่โดดเด่นจากเกมต้นฉบับด้วย

ส่วนระบบการต่อสู้ยังอ้างอิงจากภาค Remake ที่เป็น RPG เทิร์นเบสกึ่งแอ็กชั่น ซึ่งตัวเกมเปิดให้เลือกได้ตามความถนัดของผู้เล่นเกมที่อาจจะมาจากต่างยุคกัน แต่ตัวภาค Rebirth จะเพิ่มเติมระบบ Synergy ที่ผู้เล่นต้องสร้างเลเวลความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครในทีมให้มากขึ้น ใช้คู่กับระบบอัพเกรด Folio ที่ทีมพัฒนาระบุว่าจะทำให้ผู้เล่นสามารถปรับแต่งตัวละครได้หลากหลายตามใจผู้เล่น

Final Fantasy VII Rebirth

Square Enix ยังใส่สิ่งที่แฟนของเกมต้นฉบับเรียกร้องเข้ามาในเกมจำนวนมากนั่นคือมินิเกม ทั้งมินิเกมที่เกี่ยวพันกับ โกลด์ซอว์เซอร์ (Gold Saucer) ซึ่งเป็นสวนสนุกผสมกาสิโน และเกมใหม่ไม่ซ้ำกับของเดิม เพิ่มระบบฟาร์มโชโคโบะ (Chocobo) นกขนาดยักษ์อรรถประโยชน์ที่เป็นมาสคอตของเกมซีรีส์นี้

และที่สำคัญคือทำให้แฟนเกมที่เคยเล่นภาคต้นฉบับ หรือเพิ่งมาติดตามเกม Final Fantasy VII Remake ยังได้ดื่มด่ำกับเนื้อเรื่องของเกม เนื้อหาของเกมภาคต่อจะขยายใหญ่มากขึ้น ส่วนหนึ่งก็เป็นการเล่าเรื่องตามต้นฉบับของเกมในปี 1997 แต่ก็มีทิ้งปมไว้เล็กๆ ในภาค Remake ว่า บางที Final Fantasy VII ฉบับคิดใหม่ทำใหม่จะมีเนื้อเรื่องแบบพหุภพ ทั้งยังมีการเกริ่นจากทาง Square Enix เองว่า เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในภาคก่อนอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

จุดนี้ก็ต้องขอให้ย้อนภาพไปในอดีตอีกครั้ง ณ ตอนปี 1997-1998 หลังจากที่ Final Fantasy VII ภาคต้นฉบับออกวางจำหน่ายและหลายคนก็เล่นเกมไปจนถึงจุดสำคัญของเนื้อเรื่อง แล้วพบว่ามีตัวละครหนึ่งเสียชีวิตไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย หลายคนพยายามควานหาหาวิธีการเล่นให้ตัวละครดังกล่าวรอดชีวิต ระดับที่มีนิตยสารสมัยนั้นลงเงินรางวัลให้ผู้ที่สามารถหาทางคืนชีพให้ตัวละครดังกล่าวได้

Final Fantasy VII Rebirth

เมื่อทาง Square Enix ทิ้งกลิ่นความหวังไว้แบบนี้ กอปรรวมกับระบบการเล่นที่สนุกสนาน พร้อมทั้งเนื้อหาใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามา จึงไม่แปลกใจนักครับที่เหล่าวุ่ยรุ่น 1990 จะไฮป์เกมนี้ระดับยื่นใบลางานล่วงหน้าเผื่อไว้ก่อน และเราเชื่อว่ามีอีกหลายท่านที่อาจจะไม่ได้แสดงตัวว่าไฮป์เกมนี้มากนัก เนื่องจากตัวเกมประกาศลงให้บนเครื่อง PlayStaion 5 เป็นเวลาประมาณ 6 เดือน ก่อนที่เกมจะวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มอื่นเป็นการต่อไป

เพราะฉะนั้นความไฮป์ของเกมนี้ น่าจะอยู่ในกลุ่มคนเล่นเกมกันไปอีกสักพัก และอาจจะมีกระแสมากเพียงพอที่จะทำให้คนที่ไม่คุ้นเคย เกิดความสนใจ แล้วได้มาทดลองเล่น จนอาจจะเป็นคนร่วมติดเกม Final Fantasy VII ตามไปอีกคนหนึ่งก็เป็นได้
 

logoline