10 อนิเมะที่อยากชวนคุณไปไฮป์ ในปี 2024

ปี 2024 มาถึงทุกคนอย่างพร้อมหน้าแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้คงจะมีอะไรๆ ที่เราต่างก็คาดไม่ถึงมาทำให้ตื่นตกใจกันตลอดทั้งปี เพราะฉะนั้นคอลัมน์ ‘ไฮป์ไปปะ’ เลยอยากจะชวนไปตื่นเต้น ไปไฮป์ และเอนจอยกับเรื่องที่พอจะคาดการณ์ได้อย่างอนิเมชั่นจากญี่ปุ่น 10 เรื่อง ที่ทั้งน่าดูและมีประกาศข่าวออกมาแล้วว่าจะฉายในปีนี้

ต้องบอกกันตรงนี้เลยว่าทั้ง 10 เรื่องที่เลือกมานี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของผลงานที่น่าติดตามในปีมังกรเท่านั้น ดังนั้นถ้าใครได้ดูอนิเมะตามรายชื่อนี้แล้วยังไม่สะใจ หวังว่าปีนี้คุณจะได้พบเจอกับอนิเมะดีๆ อีกมากมาย หวังว่าคุณจะหลงรักอนิเมะสักเรื่องหนึ่งอย่างสุดหัวใจ และมีโอกาสได้เล่าให้ใครสักคนฟัง
 

Delicious in Dungeon

‘Delicious in Dungeon’ หรือ ‘สูตรลับตำรับดันเจียน’ ผลงานที่เริ่มฉายแล้วตั้งแต่ต้นเดือนมกราคม ปี 2024 เล่าเรื่องของเหล่านักผจญภัยในโลกแฟนตาซี ที่มีดันเจียนพิสดาร พร้อมสัตว์ประหลาดมากมาย และผู้ที่เสียชีวิตในดันเจียนสามารถคืนชีพได้ ส่งผลให้คนจำนวนมากเชื่อว่าผู้พิชิตดันเจียนจะสามารถนำพลังอำนาจขึ้นมาบนโลกเบื้องบน แต่กลุ่มของตัวเอกกลับพลาดท่า เจอมังกรไล่กินจนล่มทั้งปาร์ตี้ ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็ถังแตก กระนั้นก็ต้องลงดันเจียนเพื่อไปช่วยคนที่อาจจะรอดอยู่ด้านล่าง พวกเขาจึงจำเป็นต้องปรับแผนการใหม่ด้วยการจับเอามอนสเตอร์มากินเป็นอาหารยังชีพลดต้นทุนมันเสียเลย

นอกจากเนื้อหาที่แหวกแนวน่าสนใจแล้ว อนิเมะเรื่องนี้ยังได้ Studio Trigger ที่เคยสร้างอนิเมะ Cyberpunk: Edgerunners กับ SSSS.Gridman มาทำหน้าที่สร้างอนิเมะ สำหรับคนชอบความแปลกใหม่ แนวคิดของผู้บริหารสตูดิโอแห่งนี้ที่ว่า 'ทำในสิ่งที่คนอื่นจะไม่ทำกัน' น่าจะตรงใจไม่น้อย ถ้าดูจากกระแสตอบรับจากการที่อนิเมะสามตอนแรกเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ประเทศญี่ปุ่นก็นับว่าได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี ดังนั้นภาพเมนูอาหารจากมอนสเตอร์ก็น่าจะออกมาหวือหวาชวนกินเลยทีเดียว (รึเปล่านะ?)

ดูได้แล้วทาง Netflix
 

Dandadan

โมโมะ เด็กสาว ม.ปลาย ที่เชื่อในเรื่องวิญญาณ กับ โอคารุน หนุ่มแว่นที่เชื่อในเรื่อง UFO ต่างฝ่ายต่างท้าทายกันให้ไปพิสูจน์ในเรื่องลึกลับที่พวกเขาไม่เชื่อ กลายเป็นว่าทั้งสองคนได้รับพลังพิเศษเพื่อต่อสู้กับทั้ง วิญญาณ และมนุษย์ต่างดาวที่คอยรบกวนชาวโลก ข้างต้นนี้คือเรื่องราวแบบอธิบายให้เข้าใจง่ายที่สุดของการ์ตูนแปลกแหกขนบจากญี่ปุ่น ไม่ใช่แค่เฉพาะในด้านเนื้อเรื่อง แต่การตีความเรื่องเหนือธรรมชาติก็หลุดโลกแบบขั้นสุดพอกัน

ด้วยเหตุนี้หลายคนที่ติดตามังงะของอาจารย์ยูกิโนบุ ทัตสึ (Yukinobu Tatsu) จึงคิดว่าผลงานเรื่องนี้ อาจจะไม่มีโอกาสได้ทำอนิเมะด้วยความพิสดารทางภาพ จนแทบจะนึกสตูดิโอที่เหมาะสมกับงานเรื่องนี้ไม่ออก จนกระทั่งมีการประกาศว่า Science SARU ที่เคยผ่านการสร้างอนิเมชั่นที่มีงานศิลป์หวือหวาทั้ง Devilman: Crybaby, Scott Pilgrim Takes Off, และภาพยนตร์อนิเมชั่น Inu-Oh เลยกลายเป็นว่าอนิเมะที่จะฉายปี 2024 นี้ น่าจะแปลกแต่น่าจับตาที่สุดเรื่องหนึ่งไปแล้ว

ยังไม่กำหนดวันฉาย

 

Solo Leveling

ปฏิเสธไม่ได้ว่า เว็บตูน (Webtoon) กลายเป็นการ์ตูนที่ได้รับความนิยมขึ้นมาอย่างมากในช่วงประมาณ 10 ปี ที่ผ่านมา และก่อนหน้านี้ก็มีผลงานดังหลายเรื่องได้รับการสร้างเป็นอนิเมะ และในปี 2024 นี้ก็ถึงคราวของ ‘Solo Leveling’ เว็บตูนเรื่องดังจากทาง Kakao ที่เป็นการดัดแปลงมาจากนิยายของ ชู่กง

Solo Leveling ฉบับอนิเมะได้ทาง A-1 Pictures ที่ทำงานแนวแอ็กชั่นออกมาได้ออกรสอย่างที่เห็นได้จากผลงานอย่าง Sword Art Online หรือ Lycoris Recoil และเนื่องจากผู้เขียนได้มีโอกาสไปรับชมการฉายล่วงหน้า สามารถยืนยันได้ว่านอกจากมีฉากแอ็กชั่นสะใจ ตัวอนิเมะเก็บรายละเอียดจากเว็บตูนไว้ครบถ้วน และสำหรับคนที่กังวลว่าตัวอนิเมะจะปรับไปใช้เนื้อหาตามฉบับญี่ปุ่นที่เปลี่ยนเรื่องราวไป ก็ได้มีการแจ้งไว้ตั้งแต่เปิดตัวว่า เวอร์ชั่นที่ออกอากาศทั่วโลกนอกประเทศญี่ปุ่นจะใช้ชื่อตัวละครและเนื้อหาเป็นคนเกาหลีตามต้นฉบับเดิม

ดูได้แล้วทาง Netflix และ True ID

Demon Slayer: Hashira Training Arc

ถึงมังงะจะอวสานไประยะหนึ่งแล้ว แต่ ‘ดาบพิฆาตอสูร’ (Demon Slayer) ฉบับอนิเมะ ยังคงได้รับความนิยมอยู่อย่างต่อเนื่อง แถมเรื่องราวก็ยังอยู่ห่างไกลจากตอนอวสาน จึงไม่แปลกที่ในปี 2024 นี้ ทีมผู้สร้างอนิเมะจะทำการฉายอนิเมะเนื้อเรื่องช่วง 'การสั่งสอนของเสาหลัก' (Hashira Training Arc) มาให้ติดตามกันต่อ แม้ว่าคนที่อ่านหนังสือการ์ตูนแล้วน่าจะทราบว่าบทนี้มีเรื่องราวที่ผ่อนคลายลง แต่ถ้าดูจากฝีมือการทำงานของทีมสร้างอนิเมะซึ่งที่มีทาง Ufotable เป็นแกนนำ พวกเขาก็มักจะเพิ่มเนื้อหาหลายส่วนให้เต็มอิ่มมากยิ่งขึ้น

แล้วถ้าดูจากการที่ทีมผู้สร้างอนิเมะชุดนี้จัดงานอีเวนต์ 'เวิลด์ทัวร์พิเศษ ดาบพิฆาตอสูร: ปาฏิหาริย์แห่งสายสัมพันธ์ สู่การสั่งสอนของเสาหลัก' ในหลายประเทศทั่วโลก เชื่อว่าอนิเมะเรื่องนี้จะต้องกลับมาเป็นกระแสกันอีกครั้งในปีมังกรนี้

ยังไม่กำหนดวันฉาย

Suicide Squad Isekai

ผลงานอนิเมะที่น่าเกินความคาดหวังจากคนดูมากที่สุดเรื่องหนึ่ง กับการร่วมมือกันของทาง DC Comics และ Warner Bros. Japan ที่จับเอาตัวละครเหล่าร้ายตัวแสบอย่าง Suicide Squad มาผลิตเป็นอนิเมะแนว 'อิเซไค' หรือแนวเรื่องที่ตัวละครต้องเดินทางไปผจญภัยในโลกอีกใบหนึ่ง ซึ่งเป็นที่นิยมมาต่อเนื่องในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และคราวนี้เป็นคราวของเหล่าวายร้ายสุดอันตรายที่ต้องไปสำรวจโลกแฟนตาซีอันเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด และเหตุการณ์ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน

โดยมีทาง Wit Studio ที่หลายคนจดจำได้จากการสร้างอนิเมะ Attack on Titan สามซีซั่นแรก และปัจจุบันก็ร่วมผลิตอนิเมะ Spy x Family อยู่ด้วย มารับหน้าที่ดูแลรับผิดชอบให้กับอนิเมชั่นชุดนี้ แล้วผลงานชุดนี้ยังได้อาจารย์อากิระ อามาโนะ (Akira Amano) ผู้วาดมังงะ ครูพิเศษจอมป่วน REBORN! มาทำการออกแบบตัวละครจาก DC Comics ในรูปแบบของเธอเอง จนได้กลุ่มเหล่าร้ายที่คุ้นตาแต่ก็เปรี้ยวซ่าเข้ากับเส้นอนิเมะ

แล้วถ้าดูจากการโปรโมตที่ทาง DC Comics ประกาศผลงานเรื่องนี้พร้อมคำบรรยายภาษาอังกฤษมาตั้งแต่แรกเปิดตัว ก็เดาได้ว่าอนิเมะชุดนี้น่าจะฉายให้ผู้ชมทั่วโลกได้รับชมพร้อมกันในปี 2024 และน่าจะได้ความสนใสใจทั้งจากแฟนอนิเมะและแฟนซูเปอร์ฮีโร่แน่นอน

ยังไม่กำหนดวันฉาย

Orb: On the Movements of the Earth

ขอขยับจากผลงานสายแมส มาดูงานที่มีความเฉพาะทางกันสักหน่อยกับ ‘สุริยะปราชญ์ ทฤษฎีสีเลือด’ (Orb: On the Movements of the Earth) ผลงานมังงะของอาจารย์ Uoto ที่เป็นเจ้าของรางวัล Tezuka Osamu Cultural Prize ประจำปี 2022 เนื้อหาของมังงะเล่าเรื่องราวคนกลุ่มหนึ่งในยุคศตวรรษที่ 15 ที่พยายามพิสูจน์ทฤษฎีที่ว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะ แต่ในยุคที่ศาสนจักรเป็นใหญ่ เหล่าคนที่ตามหาความจริงทางวิทยาศาสตร์คือคนนอกรีตที่ต้องถูกประหาร มังงะเรื่องนี้จะเล่ามุมมองทางประวัติศาสตร์ที่อาบชุ่มไปด้วยโลหิต ก่อนเรื่องราวเหล่านี้จะมาเป็นความรู้พื้นฐานสำหรับยุคปัจจุบัน

แม้ว่าตัวมังงะต้นฉบับจะมีความน่าสนใจเอามากๆ แต่พล็อตเรื่องที่จริงจัง ประเด็นชวนหมิ่นเหม่ ภาพที่เต็มไปด้วยความรุนแรง แถมเรื่องราวยังมีตัวละครจำนวนมาก จึงแทบไม่มีใครคาดว่าผลงานเรื่องนี้จะถูกดัดแปลงเป็นสื่อประเภทอื่นได้ แต่จู่ๆ ในช่วงปลายปี 2023 ก็มีการประกาศว่าจะมีการสร้างอนิเมะจากมังงะเรื่องนี้ขึ้นมา

ถึงจะชวนข้องใจว่าจะดัดแปลงผลงานอนิเมะได้ดีแค่ไหน แต่ในการเปิดตัวอนิเมะก็มีการระบุว่า ทีมงานที่จะมารับผิดชอบการผลิตคือ Madhouse ที่เคยดัดแปลงผลงานมังงะที่น่าจะยากในการสร้างอย่าง คำอธิษฐานในวันที่จากลา FRIEREN หรือ ปรสิต ที่ปรับเรื่องมาเป็น Parasyte: The Maxim

จากเหตุผลข้างต้นนี้ ทำให้เราอยากจะชวนให้ทุกคนมาติดตามกันว่า สุริยะปราชญ์ ทฤษฎีสีเลือด จะกลายเป็นอนิเมะที่เล่าเรื่องได้น่าสนใจขนาดไหนในปี 2024

ยังไม่กำหนดวันฉาย

Uzumaki: Spiral Into Horror

ย้อนไปเมื่อปี 2019 ได้มีการประกาศสร้างอนิเมะ ‘Uzumaki: Spiral Into Horror’ (ก้นหอยมรณะ) ออกมาในงานการ์ตูนที่อเมริกา ทั้งยังประกาศว่า ทาง Production I.G จะร่วมมือกับ Williams Street สตูดิโอภายใต้สังกัด Adult Swim พร้อมประกาศว่าจะเป็นผลงานอนิเมชั่นสั้นขนาดสี่ตอน ที่จะฉายทางสล็อตรายการ Toonami ของช่อง Adult Swim ในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะทำการฉายในท้องที่อื่นในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม การมาถึงของโควิด-19 ทำให้แผนการสร้างอนิเมะสยองขวัญเรื่องดังกล่าวต้องถูกเลื่อนออกไป แล้วข่าวคราวก็เงียบหาย จนเวลาข้ามผ่านมากลางปี 2023 ก็มีการปล่อยตัวอย่างโชว์ออกมาว่า อนิเมะจะถูกสร้างเป็นรูปแบบขาวดำ ที่ดึงลายเส้นของอาจารย์จุนจิ อิโต้ (Junji Ito) มาแบบแทบจะทุกมุม ตั้งแต่รูปลักษณ์ของตัวละคร ไปจนถึงเส้นสายลมที่พัดผ่านตัวเมืองก็ถูกเก็บเอาไว้ครบถ้วน จนพอจะบอกได้ว่านี่น่าจะเป็นอนิเมะที่เก็บเอาบรรยากาศอึมครึมตามต้นฉบับได้ดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลยทีเดียว และเราเชื่อว่าปี 2024 ทุกคนจะได้กลับไปสัมผัสเรื่องราวสยองขวัญเรื่องนี้ด้วยกัน

ยังไม่กำหนดวันฉาย

Rick and Morty: The Anime

ใครได้ติดตามอนิเมชั่นจากฝั่งตะวันตกน่าจะคุ้นเคยกับ Rick And Morty ที่เป็นผลงานแนวไซไฟผจญภัย ผสมตลกร้ายเสียดสีสังคมกันดี และอนิเมชั่นเรื่องนี้เคยทำอนิเมะเป็นตอนสั้น ๆ ออกฉายมาแล้วจำนวนห้าตอน

อาจจะเป็นเพราะว่าตัวอนิเมะสั้นนั้นได้รับความนิยมสูง ทาง Cartoon Network จึงเปิดไฟเขียวให้มีการสร้างอนิเมะจากแฟรนไชส์ดังกล่าว ที่ใช้ชื่อตรงๆ ว่า ‘Rick and Morty: The Anime’ ที่ดึงเอาทีมงาน Telecom Animation Film ที่เคยดูแลงานสร้างอนิเมชั่นขนาดสั้น มาสร้างอนิเมะความยาว 10 ตอน

ถึงตัวเนื้อหาของ Rick And Morty จะมีปมเรื่องเกี่ยวข้องกับพหุภพจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ Rick and Morty: The Anime จะเล่าเรื่องราวเป็นเอกเทศของตนเอง โดยอิงธีมมาจากตัวซีรีส์หลักเท่านั้น เพราะฉะนั้นผู้ชมที่ไม่คุ้นกับเรื่องนี้ก็น่าจะอินเรื่องราวของอนิเมะเรื่องนี้ได้ไม่ยากนัก

ยังไม่กำหนดวันฉาย

Mobile Suit Gundam SEED FREEDOM

รู้ตัวอีกที ปี 2024 นี้ Mobile Suit Gundam SEED ก็มีอายุอานามเลย 20 ปีมาแล้ว มาถึงเวลานี้ก็พอจะบอกได้ว่า การ์ตูนจากญี่ปุ่นเรื่องนี้ถือว่าเป็นทางเข้าสู่วัฒนธรรมโอตาคุสำหรับคนรุ่นหนึ่งเป็นจำนวนมาก และในช่วงเวลาที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีกันดั้มหรืออนิเมะสายหุ่นยนต์เรื่องอื่นๆ เข้ามาฉายกี่เรื่อง ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากที่คอยเฝ้าถามว่าจะมีภาคต่อของ Gundam SEED หรือไม่

แล้วก็เป็นในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2023 ที่ Sunrise ผู้สร้างกันดั้ม ได้ปล่อยตัวอย่างของภาพยนตร์ภาคใหม่ที่ใช้ชื่อว่า Mobile Suit Gundam SEED FREEDOM เนื้อหาของภาคนี้จะเกิดขึ้นในปีคอสมิกอีราที่ 75 หรือประมาณหนึ่งปีหลังจากเหตุการณ์ในภาค SEED Destiny พร้อมกับธีมเรื่องที่ว่า 'โชคชะตาที่ถูกกำหนด หรืออิสรภาพที่จะขัดขืน'

ภาพยนตร์ Mobile Suit Gundam SEED FREEDOM ยังได้ มิตซูโอะ ฟูคาดะ (Mitsuo Fukuda) ที่เป็นผู้กำกับทั้งภาค SEED และ SEED Destiny กลับมากำกับอีกครั้ง ดังนั้นฉากการต่อสู้น่าจะออกมาสนุกสนานเหมือนกับภาคต้นฉบับ เพิ่มเติมคือความอลังการของงานภาพที่พัฒนาขึ้นตามเทคโนโลยีสมัยใหม่  และด้วยตัวอย่างที่เปิดเผยออกมาก็ทำให้ชวนคิดว่า คิระ ยามาโตะ อาจจะต้องต่อสู้กับเพื่อนๆ ที่เขาเคยปกป้องมาก่อน แต่ไม่ว่าพล็อตเรื่องจะหักมุมไปทางไหน ในช่วงต้นปี 2024 นี้ เหล่าวัยรุ่นกันดั้ม SEED ก็ควรกลับมารวมตัวกันเพื่อรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้

ยังไม่กำหนดวันฉาย

Puella Magi Madoka Magica The Movie - Walpurgisnacht: Rising

สาวน้อยเวทมนตร์มาโดกะ อนิเมะที่พลิกมุมมองของเหล่าเด็กหญิงสดใสต่อสู้กับสัตว์ประหลาด กลายเป็นเรื่องราวดาร์กแฟนตาซี ที่การแปลงร่างปกป้องคนอาจจะหมายถึงการต่อสู้ที่เอาชีวิตเป็นเดิมพัน และตัวอนิเมะชุดนี้ได้สร้างฉบับภาพยนตร์ออกมาฉายในช่วงปี 2012-2013 โดยที่ตัวภาพยนตร์สองภาคแรกเป็นการนำเอาซีรีส์ต้นฉบับมาบอกเล่าใหม่

แต่ในภาพยนตร์ภาคที่ 3 ที่ใช้ชื่อภาคในภาษาอังกฤษว่า Puella Magi Madoka Magica The Movie: Rebellion ได้ทำการปรับมุมมองของคนติดตามซีรีส์อีกครั้ง เมื่อจักรวาลถูกเขียนใหม่ เหล่าสาวน้อยเวทมนตร์เปลี่ยนแปลงสถานะไปอีกครั้ง มาโดกะกลับมาเป็นคนธรรมดา, โฮมุระกลายเป็นตัวตนประหนึ่งมารร้าย, คิวเบย์สิ้นสภาพ, และทิ้งท้ายด้วยฉากจบสุดค้างคาว่าเรื่องราวควรจะเป็นอย่างไรต่อ

จนกระทั่งปี 2021 ก็มีการประกาศสั้นๆ ว่าภาพยนตร์จะมีภาคต่อฉายในอนาคต แล้วก็เป็นในช่วงปลายปี 2023 ที่ความปรารถนาของแฟนอนิเมะชุดนี้ชัดเจนขึ้น เมื่อมีตัวอย่างที่ระบุว่าภาพยนตร์ภาคที่ 4 จะใช้ชื่อภาคภาษาอังกฤษว่า ‘Puella Magi Madoka Magica The Movie - Walpurgisnacht: Rising’ และมีกำหนดฉายในช่วงฤดูหนาวปี 2024 ซึ่งน่าจะเป็นบทสรุปของภาพยนตร์ชุดนี้ว่าเรื่องราวของมาโดกะกับโฮมุระจะลงเอยแบบใดกันแน่

ภาพยนตร์ยกทีมงานและทีมนักพากย์จากอนิเมะต้นฉบับกลับมาครบถ้วน ที่คาดหวังได้แน่นอนคือความปวดตับไตไส้พุง แต่ที่ต้องลุ้นกันต่อก็คือการที่ผลงานเรื่องนี้แปะป้ายประกาศว่าจะฉายช่วงฤดูหนาว หรือก็คืออาจโดนเลื่อนฉายไปช่วงต้นปี 2025 ก็ได้

ยังไม่กำหนดวันฉาย