อย่างไรก็ตามเหตุที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดเฉพาะในช่วงฤดูน้ำหลากปีนี้เท่านั้น แต่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ที่ชาวบ้านต่างได้รับความเดือดร้อนในทุกๆปี ซึ่งผู้รับผิดชอบโดยตรงคือกรมชลประทานได้เข้ามาแก้ไขปัญหาในทุกๆปีที่ผ่านมาแต่ไม่ตรงจุด ด้วยการนำท่อซิเมนต์คอนกรีต จำนวน 10 ลูก มาวางเสริมที่คอสะพาน เพื่อให้กระแสน้ำสามารถระบายได้รวดเร็วยิ่งขึ้นในช่วงฤดูน้ำหลาก เพื่อแก้ไขปัญหากระแสน้ำกัดเซาะคอสะพาน พร้อมทั้งได้นำดินมาถมบดอัดให้ชาวบ้านเพียงสามารถให้ชาวบ้านสามารถใช้ยานพาหนะผ่านไปมาได้
ชาวบ้าน บอกว่า แก้ไขปัญหาไม่ตรงจุดและจะเกิดปัญหาทุกๆปี ซึ่งลำคลองกว้าง 20 เมตร แต่สะพานกว้างเพียง 5 เมตร ทางกรมชลประทานควรที่จะสร้างสะพานใหม่ให้มีขนาดเท่าลำคลองหรือใหญ่กว่า เพื่อให้กระแสน้ำได้ไหลผ่านสะดวกการกัดเซาะจึงไม่บังเกิดขึ้น ซึ่งในขณะนี้ชาวบ้านต่างได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก คือ ไม่มีความสะดวกที่จะขนส่งสินค้าทางการเกษตร ต้องขับยานพาหนะอ้อมหมู่บ้านทั้ง 2 แห่ง เป็นระยะทางกว่า 6 ก.ม. แถมบรรยากาศ 2 ข้างทางเปลี่ยวเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน