พระเมธีธรรมาจารย์ หรือ เจ้าคุณประสาร เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย บอกว่า กรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอระบุกรณีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญและผู้ปฏิบติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชครอบครองรถเบนซ์โบราณเข้าข่ายความผิดใน 2 ข้อหากล่าวหาคือ มีส่วนรู้เห็นและร่วมกันครอบครองสินค้าที่รู้ว่าไม่เสียภาษี หรือเสียภาษีไม่ครบถ้วนและร่วมกันแจ้งความเท็จลงในเอกสารราชการซึ่งเครือข่ายพระสงฆ์และองค์กรพุทธเห็นว่าเรื่องนี้ไม่เป็นธรรมและเตรียมจะเคลื่อนไหวนั้น
หลังจากที่ได้แจ้งข่าวไปยังพระสงฆ์ไทยทั้งในและต่างประเทศ พบว่าขณะนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนการใช้มวลชนออกมาเคลื่อนไหวนั้น ยังไม่รู้ว่าจะต้องใช้แนวทางนี้หรือไม่ รวมทั้งแนวทางในการเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์ด้วย แต่จะใช้แนวทางใดนั้นจะต้องดูตามความเหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย ซึ่งขณะนี้องค์กรพุทธได้รับแรงกดดันจากทางพระสงฆ์มาก เพราะอยากเห็นแนวทางความชัดเจนขององค์กรพุทธเพื่อที่จะออกมาเคลื่อนไหว
พระเมธีธรรมาจารย์ บอกอีกว่า แนวทางเบื้องต้นจะให้แต่ละองค์กรพุทธเคลื่อนไหวตามแนวทางของแต่ละองค์กรก่อน เพื่อดูท่าทีและความพร้อม จากนั้นจะมาพิจารณาในภาพรวม เพื่อกำหนดการเคลื่อนไหวด้วยการรวมตัวกันสวดมนต์ครั้งใหญ่อีกครั้ง ทั้งนี้ จากสถานการณ์ปัจจุบันก็เชื่อว่าจะมีผู้เข้าร่วมการสวดมนต์ครั้งใหญ่มากขึ้นกว่าครั้งต้นเดือนก.พ.แน่นอน แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเป็นวันใด เนื่องจากต้องดูความเคลื่อนไหวขององค์กรพุทธแต่ละภาคส่วนก่อน แต่ยืนยันมีความพร้อมแน่นอน