--มธ. ท่าพระจันทร์ - 24 ก.ค.59--เวลา13.00น.ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)ท่าพระจันทร์ กลุ่มขบวนการประชาธิปไตยใหม่รวมกับเครือยข่าย43องค์กรจัดกิจกรรม"ใส่ใจประชามติรัฐธรรมนูญกำหนดอนาคตประชาชน" โดยนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ เเกนนำกลุ่มนิติราษฎร์และอาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ "ประชามติ7สิงหากับอนาคตสังคมไทย"ว่า แม้หลายคนยืนยันว่าจะมีการทำประชามติแน่นอน แต่ก็ยังแน่ใจไม่ได้ เพราะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)มีมาตรา44 สั่งว่า จะจัดหรือเลื่อนออกไปก็ได้และแม้ว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญจะเขียนให้แก้ไขได้ แต่ก็พบว่ายากต่อการแก้ไขมาก
ซึ่งเรื่องนี้มีนัยยะคืออาจเป็นชนวนและระเบิดเวลาที่นำไปสู่ความรุนแรงในอนาคต อีกทั้งเงื่อนไขที่กำหนดในร่างรัฐธรรมนูญยังเขียนให้รองรับมาตรา44ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ทั้งๆที่รัฐธรรมนูญปกติกำหนด คือการทำให้อำนาจรัฐประหารสิ้นสุดเมื่อมีรัฐธรรมนูญถาวร แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังให้หัวหน้า คสช.มีอำนาจต่อไป อีกคำสั่ง คสช. ก็จะเป็นมรดกตกทอดต่อไป
"อีกทั้งร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังมีปัญหาเรื่องโครงสร้างองค์กรของรัฐ และการเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองโดยการเลือกตั้งจะเปลี่ยนไปจากเดิมซึ่งเป็นการยากหรือที่จะทำให้ประชาชนมีคะแนนเสียงสองคะแนน คือเลือกส.ส.เขตและแบบบัญชีรายชื่อแยกกัน ไม่เข้าใจว่าทำไมกำหนดให้เลือกได้อย่างเดียว เหมือนเป็นการบังคับโดยปริยายในแง่นี้อาจทำให้เจตนารมณ์ของประชาชนในการเลือกผู้แทนไม่สมบูรณ์"เเกนนำกลุ่มนิติราษฎร์กล่าว
นายวรเจตน์กล่าวต่ออีกว่า ส่วนการได้มาซึ่งส.ว.ประชาชนจะไม่มีสิทธิเลือก ทั้งๆที่มีอำนาจอย่างมากในการออกกฎหมายความชอบธรรมมีน้อย แต่อำนาจมีมาก เมื่อมีการเลือกตั้งแล้วจะได้บุคคลมาเป็นรัฐบาลและบริหารราชการแผ่นดินได้ลำบากมาก ยากที่รัฐมนตรีจะดำเนินโนยบายที่เป็นนโยบายสาธารณะได้ อำนาจของศาลและองค์กรอิสระก็เพิ่มมากขึ้นกำหนดมาตรฐานทางจริยธรรมนอกจากใช้กับตัวเอง ยังมาใช้กับนักการเมืองส่งผลทำให้สถานะของนักการเมืองมีความไม่แน่นอนสูง
หลายคนสงสัยว่ารัฐธรรมนูญนี้กำหนดกลไกเหมือนคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ(คปป.)ที่มีอำนาจเหนือรัฐบาลหรือไม่ เพราะถึงไม่ได้เขียนไว้ แต่ส่วนนี้จะไปอยู่ที่มาตรา5ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจวินิจฉัยทางออกประเทศ องค์กรที่ขาดจุดเชื่อมโยงกับประชาชนมีจำนวนมากกว่าองค์กรที่ความเชื่อมโยง สำหรับประเด็นสิทธิขั้นพื้นฐานถ้าหัวหน้าคสช.ยังมีอำนาจมาตรา44การใช้การรับรองสิทธิเสรีภาพต่างๆระหว่างรอการเลือกตั้งก็จะกลายเป็นหมัน เพราะคนที่กระทบจะไม่มีสิทธิไปฟ้องศาลแม้ฟ้องศาลก็ยากที่จะพิจารณาเพราะคำสั่งนี้ระบุว่าชอบด้วยกฎหมาย "มีบุคคลที่ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐบาลคสช.บอกว่า หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านอาจหมายถึงอยากให้คสช.อยู่ยาว การจัดประชามติครั้งนี้ถ้ารัฐธรรมนูญผ่านแปลว่าคนเห็นชอบแต่ถ้าไม่ผ่านหมายถึงประชาชนปฏิเสธผลงานที่มา คนที่เป็นกรรมการร่างจะรับผิดชอบอย่างไร แล้วที่แต่งตั้งกรรมการร่างจะรับผิดชอบอย่างไร รับหรือไม่รับเป็นปัญหาเรื่องความชอบธรรม บางคนเริ่มไขว้เขวพอบอกว่าไม่รับ อยากให้คสช.อยู่นานๆหรือ เราจะต้องอยู่บ้านไม่ไปใช้สิทธิหรือไปโหวตรับ แต่ผมเห็นว่าถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ความชอบธรรมของคสช.คงไม่เหมือนเดิม"เเกนนำกลุ่มนิติราษฎร์กล่าว
นายวรจตน์กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนประเด็นคำถามพ่วง มีข้อสังเกตว่าถ้าคำถามพ่วงนี้ผ่านส.ว.มาร่วมโหวตเลือกนายกฯ แต่5ปีแรกของส.ว.มาจากการคัดเลือกของคสช.เมื่อเป็นเช่นนี้คำถามแรกว่า เห็นชอบหรือไม่เห็นชอบรัฐธรรมนูญ บังเอิญตนเป็นคนถนัดขวา ดังนั้นคำถามที่สองจะให้กาช่องซ้ายก็กระไรอยู่ คงกาช่องขวาทั้งสองช่อง ทั้งนี้รัฐธรรมนูญเป็นอย่างไรจะกำหนดชะตากรรมของชาตินั้นๆ ประวัติศาสตร์พิสูจน์มาแล้วว่า ชาติใดที่ประชาชนสามารถกำหนดชะตากรรมของตนเอง มีประชาธิปไตย ย่อมเกิดการคอร์รัปชั่นน้อยชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ผ่านมาสองปีหลายคนอาจจะเหนื่อย ใครเหนื่อยก็พักหายเหนื่อยค่อยมาสู้กันใหม่ สิ่งที่เผด็จการชอบที่สุดคือ ความหวังของประชาชนดับลง แต่สิ่งที่กลัวที่สุดคือไฟที่ยังลุกโชติช่วง ตนจึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนร่วมกันผ่านพ้นช่วงนี้