"ณัฐวุฒิ" ชี้ 2 ปีรัฐประหาร คือการใช้อำนาจกดทับปัญหาไว้

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. กล่าวว่า ผลงานชิ้นสำคัญที่รัฐบาลและบรรดากองเชียร์โชว์เป็นโบว์แดงในวาระครบรอบ 2 ปีรัฐประหารคือ การสร้างความสงบ ประมาณว่าพอรัฐบาลนี้เข้ามาบ้านเมืองก็สงบเรียบร้อย แต่ตนไม่คิดแบบนั้น เพราะความสงบที่แท้จริงคือ การที่ประชาชนใช้ชีวิตอย่างมีสิทธิเสรีภาพภายใต้กรอบกฎหมายและการใช้อำนาจที่เป็นสากล การแตกต่างทางความคิดทั้งระหว่างประชาชนด้วยกันและระหว่างประชาชนกับรัฐ ต้องไม่เป็นเหตุให้ถูกลิดรอนเสรีภาพหรือคุกคามจากอำนาจที่ขัดกับหลักนิติธรรม

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ถ้ามองจากหลักนี้จะเห็นว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาประชาชนที่เห็นต่างกับผู้มีอำนาจยังคงประสบชะตากรรมในหลายรูปแบบ ทั้งถูกควบคุมตัว ดำเนินคดี ค้นบ้าน และการกดดันรูปแบบต่างๆ ซึ่งแทบทั้งหมดมีการกล่าวอ้างกฎหมายพิเศษที่ออกโดยอำนาจรัฐประหารมาดำเนินการ สภาพแบบนี้เรียกว่าความสงบได้อย่างไร เปรียบเหมือนหมู่บ้านที่มีคนถือปืนยืนอยู่เต็มไปหมด คอยกำหนดว่าอะไรทำได้ ทำไม่ได้ ไม่พอใจใครก็ค้นก็ขัง จะบอกว่าเป็นความสงบอย่างนั้นหรือ

เป็นความจริงที่ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา การชุมนุมเดินขบวนของแต่ละฝ่าย และการบาดเจ็บล้มตายเสียหายต่างๆ คือรูปธรรมของความไม่สงบ ซึ่งเป็นฝันร้ายของคนไทย แต่ต้องยอมรับเช่นกันว่า สาเหตุที่แท้จริงของสิ่งเหล่านี้คือความไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะถ้าเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่มีอำนาจหรือขบวนการสมคบคิดใดๆ มาแทรกแซงอำนาจอธิปไตยของประชาชน หรือสร้างเงื่อนไขวิกฤติทางการเมืองได้ เราจะไม่มาถึงจุดนี้ แกนนำนปช. กล่าว  
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ถ้าความสงบเรียบร้อยเกิดขึ้นภายใต้กฎหมายปกติย่อมแสดงว่า ปัญหาได้ถูกแก้ไขที่ต้นเหตุ แต่ 2 ปีของการรัฐประหาร คือ การใช้อำนาจกดทับปัญหาไว้ การปรองดอง การสร้างประชาธิปไตยยังไม่ไปถึงไหน ความสงบของประเทศไม่ได้อยู่ที่เสียงประชาชนเงียบลง แต่เสียงการใช้อำนาจพิเศษที่ค่อยๆ เงียบลงต่างหาก คือสัญญาณความสงบที่แท้จริง