svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

นักลงทุนเริ่มขายหุ้นในกลุ่ม FANG ส่งผลดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 2 วัน

06 ธันวาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

สิ่งที่สร้างความน่าผิดหวังอย่างมากให้กับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ถูกกระทบเชิงลบอย่างหนักนับจากเกิดกรณี Brexit กลับมาเป็นความกังวลใจของตลาดอีกครั้ง เมื่อนักลงทุนเริ่มทำการขายหุ้นในกลุ่มนี้ออกมาส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 2 วัน


ขณะที่นักวิเคราะห์หุ้นเริ่มประเมินว่า หุ้นกลุ่ม FANG มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับฐานลง 5.6% จากที่เคยพีคแตะระดับ 6,912 เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ท่ามกลางหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกมีการปรับตัวลดลงมากที่สุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ผลประโยชน์ทางด้านผลประกอบการจากการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงมาที่ระดับ 20% จากเดิมที่ 35% ซึ่งวุฒิสภาสหรัฐเพิ่งจะให้ความเห็นชอบเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา กลับจะส่งผลกระทบเชิงบวกที่มีน้ำหนักลดลงแทน เพราะอีกด้านของาภาระรายจ่ายที่มีมากขึ้น

1. ดัชนี Nasdaq ถูกผผลักดันขึ้นไปถึง 1.2% ก่อนที่จะมีการประเมินผลลัพภ์จากการปรับลดภาษีเงินได้ ขณะที่กิจการต่างๆ มีแนวโน้มการใช้จ่ายทางธุรกิจมากเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการปรับตัวของราคาหุุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่อย่างผันผวนหนักเมือวันอังคาร โดยที่ดัชนี Nasdaq เคลื่อนไหวขึ้นไปแตะระดับ 6,837 และร่วงลงต่ำสุดที่ 6,753 ก่อนที่ไต่ขึ้นมาปิดที่ 6,762 ลดลง 0.19%

ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่ถูกกดดันจากสิ่งที่สร้างความน่าผิดหวังให้กับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ถูกกระทบเชิงลบต่อตลาดการเงินที่มีความไม่แน่นอนนับจากเกิดกรณี Brexit กลับมาเป็นความกังวลใจของตลาดอีกครั้ง เมื่อนักลงทุนเริ่มทำการขายหุ้นในกลุ่มนี้ออกมาส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลดลงติดต่อกัน 2 วัน


2. นักวิเคราะห์หุ้นเริ่มประเมินว่า หุ้นกลุ่ม FANG ที่ประกอบด้วยหุ้น Facebook Apple Amazon Netfiix และ Google มีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับฐานะลง 5.6% จากที่เคยพีคแตะระดับ 6,912 เมื่อวันที่ 28 พ.ย. ท่ามกลางหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทั่วโลกมีการปรับตัวลดลงมากที่สุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ผลประโยชน์ทางด้านผลประกอบการที่ดี เนื่องจากการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงมาที่ระดับ 20% จากเดิมที่ 35% ซึ่งวุฒิสภาสหรัฐเพิ่งจะให้ความเห็นชอบเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมา กลับจะส่งผลกระทบเชิงบวกที่มีน้ำหนักลดลงแทน เพราะอีกด้านของบริษัทในกลุ่ม FANG ที่จะมีภาระรายจ่ายที่เพิ่มมากขึ้น


3. ไม่เฉพาะราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของสหรัฐที่มีการปรับตัวลดลง เมื่อมีนักลงทุนที่เข้ามาเสนอซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดสำหรับนักลงทุนพวกที่เรียกว่า Bargain Hunters เท่านั้น แต่ยังได้กระจายตัวไปถึงตลาดหุ้นเกิดใหม่ว่า โดยที่เรียกหุ้นในกลุ่มนี้ว่าเป็น Asian 'FANGs' ก็มีการปรับตัวของราคาที่ลดลงเนื่องจากแรงเทขายที่เข้ามาตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ย่ำแย่ที่สุดเมื่อหุ้นของ Asian 'FANGs' ร่วงลงถึง 8% จากที่เคยสร้างกำไร 30-40% ให้กับนักลงทุนนับตั้งแต่ต้นปีมานี้

Asian 'FANGs' ประกอบด้วยหุ้น Taiwan Semi, Alibaba และ Tencent ของจีน รวมถึงหุ้น Samsung หรือกลุ่ม TATS ที่มีน้ำหนักถ่วงอยู่ในดัชนีของ MSCI EM Stock index ถึง 16%


4. นอกจากนี้นักวิเคราะห์จาก Credit Suisse เชื่อว่า หุ้นกล่มเทคโนโลยีจะได้ประโยชน์จากการปรับลดภาษีน้อยกว่าอัตราเฉลี่ยของหุ้นในตลาด S&P500 จึงเป็นจุดเริ่มต้นของสัญญาณขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ โดยที่ระดับ P/E Ratio ที่มีความเสี่ยงสูงถึง 44.5 เท่าในอนาคตภายใต้นโยบายปฏิรูปภาษี เนื่องจากหุ้นกลุ่มนีักลับมีรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นในอนาคต เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่ม Phama & Biotech และรถยนต์

โดยพบว่า ประโยชน์การปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลลงเหลือ 20% จะส่งผลบวกที่อัตราเฉลี่ย 27.4% ต่อบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P500 โดยมีกลุ่ม Transports จะได้ประโยชน์ทางด้านรายได้ดีขึ้นมีน้ำหนักสูงถึง 36.2% กลุ่ม Business Services 34.6% กลุ่ม Telcom 34% กลุ่มค้าปลีก 33.4% ถือว่าอยู่ในกลุ่มที่เป็น Outperform

ขณะที่กลุ่มที่เป็น Underperform ได้ประโยชน์จากภาษีต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของตลาด S&P500 นั้น คือกลุ่ม Software อยู่ที่ 23% กลุ่ม Autos 20.9% กลุ่ม Phama & Biotech 19.7% และกลุ่ม Tech Hardware 19.5%


5. ไม่เพียงแค่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลดลง ยังส่งผลต่อดัชนีดาวโจนส์และดัชนี S&P500 ที่ลดลงตามไปด้วย โดยที่ดาวโจนส์ปิดที่ 24,180 ลดลง 109.41 จุด หรือ 0.45% ส่วน S&P 500 แดที่ 2,629 ลดลง 0.37% และ NASDAQ ปิดที่ 6,762 ลดลง 0.19%

ขณะที่ตลาดยังจับาตมองในเรื่องที่คณะกรรมาธิการการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐให้การอนุมัติ Jerom Powel ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวันอังคาร ถัดจากนี้ วุฒิสภาเต็มคณะจะจัดการประชุมเพื่อลงมติให้การรับรองนายพาวเวลอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ Jerom Powel จะเข้ารับตำแหน่งประธานเฟดแทนเจเน็ต เยลเลน ซึ่งจะสิ้นสุดวาระในตำแหน่งในเดือนก.พ.ปีหน้า โดยที่ Jerom Powel กล่าวยืนยันที่จะสานต่อนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป พร้อมกับการปรับลดงบดุลของเฟดที่ 4.5 ล้านดอลลาร์ให้ลดลงเหลือเพียง 2.2-2.5 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 3-4 ปีข้างหน้านี้ จะมีผลฝนทางปฏิบัติที่ชัดเขนอย่างไร

โดยเฉพาะการประชุมนัดสุดท้ายของเฟดในวันที่ 12-13 ธ.ค.นี้ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% พร้อมถึงประกาศแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจในปี 2018 จะออกมาเป็นอย่างไร

logoline