svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

"โรนัลโด้ vs แมนยู" ย้อนปมขัดแย้งก่อนถึงวันแตกหัก

26 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

จากต้นสังกัดที่เคยสร้างชื่อ ถึงวันนี้ "แมนยู" กลายเป็นเพียงอดีตต้นสังกัดของ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ตำนานนักเตะชาวโปรตุเกสเท่านั้น อะไรทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องแตกหักกันในปีนี้ ย้อนดูรายละเอียดได้ที่นี่

ช่วงซัมเมอร์ปี 2021 สาวก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เฮกันทั่วโลก เมื่อ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" นักเตะระดับตำนานชาวโปรตุเกส ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้งเป็นคำรบสอง

การย้ายมาในครั้งนี้ได้ตอกย้ำให้รู้ว่า แมนฯยูไนเต็ด ยังเป็นทีมชั้นนำที่สามารถดึงดูดซูเปอร์สตาร์ได้เสมอแม้ผลงานของทีมในช่วงหลังจะค่อนข้างสวนทาง อีกทั้งทำให้มูลค่าของทีมพุ่งสูงขึ้นไปอีก โดยมีรายงานว่าหุ้นของ แมนฯยูไนเต็ด พุ่งขึ้นทันที 8% หลังการย้ายมาของ CR7 ในครั้งนี้

วันที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ย้ายมาร่วมทีม แมนฯยูไนเต็ด เป็นคำรบสอง (ภาพ The Sun) ปฐมบทแห่งความขัดแย้ง
ทุกอย่างดูหอมหวานไปหมดในซีซั่นแรก โดย โรนัลโด้ ในวัย 36 ปี ตะบันไปถึง 24 ประตูจาก 38 เกมในทุกรายการ รั้งตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของทีม อย่างไรก็ตาม "ปีศาจแดง" ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงด้านตัวกุนซือ เมื่อ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา โดนปลด และเป็น ราล์ฟ รังนิก มาคุมทัพชั่วคราว ก่อนเปลี่ยนมือมาสู่ เอริก เทน ฮาก ในซีซั่น 2022/23

จากตัวกุนซือที่เปลี่ยนไป ทำให้ โรนัลโด้ เปลี่ยนสถานะจากซูเปอร์สตาร์เบอร์ 1 ของทีมที่การันตีตัวจริงได้ทุกนัด มาเป็นแค่องค์ประกอบส่วนหนึ่งของทีมเท่านั้น ส่งผลให้เจ้าตัวเริ่มออกอาการไม่พอใจ และมีข่าวลือว่าต้องการย้ายทีมตั้งแต่ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล แถมยังไม่มาเก็บตัวฝึกซ้อมช่วงปรีซีซั่นกับทีมอีกด้วย

เข้าสู่การเปิดฤดูกาลใหม่ เป็นที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของกุนซือ เอริก เทน ฮาก ไม่ว่าจะเป็นแท็กติกการเล่นที่เปลี่ยนไป รวมถึงการให้โอกาสนักเตะรายอื่นเป็นตัวจริงก่อน กระทั่งสัญญาณแตกหักมาชัดเจนเอาในเกมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถเปิดรังเอาชนะ สเปอร์ส 2-0 ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยม
โรนัลโด้ เดินออกจากสนามตั้งแต่ยังไม่จบเกม (ภาพ The Guardian)

 

แต่ประเด็นมันมาเกิดนาที 88 เมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ตัดสินใจเดินออกจากสนามเข้าอุโมงค์ไปตั้งแต่นังไม่จบเกม ทำให้เกิดคำถามว่า เขากำลังแสดงความไม่เป็นมืออาชีพอยู่หรือไม่ กระทั่งหลังเกม เอริก เทน ฮาก ออกมาเปิดเผยว่าเขาเห็นแล้วกับการกระทำของ โรนัลโด้ จากนี้จะเป็นคนจัดการเอง ก่อนจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการของ สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดว่า โรนัลโด้ จะไม่มีชื่อในเกมใหญ่ที่ แมนฯยูไนเต็ด จะบุกไปเยือน เชลซี แถมยังมีรายงานอีกด้วยว่า โดนแยกซ้อมเดี่ยวออกจากทีม เพื่อเป็นการลงโทษในความไม่เป็นมืออาชีพของเจ้าตัว 

ถึงวันแตกหัก
และในที่สุดวันแตกหักของทั้งสองฝ่ายก็มาถึงในช่วงกลางเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา เมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้สัมภาษณ์กับ เพียร์ซ มอร์แกน นักข่าวดังของอังกฤษ ในรายการ Piers Morgan Uncensored โดยพูดถึงทั้งตัวกุนซือและสโมสรแบบไม่เหลือเยือใย 

"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หักหลังผม ผมรู้ว่าตนเองโดนหักหลัง พวกเขาพยายามบีบบังคับผม ไม่ใช่แค่ผู้จัดการทีม แต่รวมไปถึงคนอื่นๆ ในสโมสร ผมรู้สึกว่ามีบางคนไม่ต้องการให้ผมอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่แค่ปีนี้ แต่ฤดูกาลที่แล้วด้วย" โรนัลโด้ กล่าว

นอกจากนั้น โรนัลโด้ ยังเผยถึงความสัมพันธ์ของตนเองกับ เอริก เทน ฮาก กุนซือคนปัจจุบันว่า "ผมไม่ให้ความเคารพในตัวเขาเพราะว่าเขาก็ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเคารพในตัวผม"

โรนัลโด้ ยังวิจารณ์ ราล์ฟ รังนิก กุนซือรักษาการเมื่อซีซั่นก่อนแบบไม่ไว้หน้า โดยบอกว่าไม่เข้าใจสาเหตุที่สโมสรตั้ง รังนิก มาคุมทีมเลย

"ถ้าคุณไม่ใช่แม้แต่โค้ช แล้วคุณมาเป็นนายใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างไร? ผมไม่เคยได้ยินชื่อเขามาก่อนเลย"
โรนัลโด้ ให้สัมภาษณ์โจมตีต้นสังกัดแบบไม่เหลือเยือใย

ดาวเตะชาวโปรตุกีส ยังกล่าวถึงการพัฒนาของสโมสรว่า "ความก้าวหน้าเป็นศูนย์" 

"ตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ อำลาทีม ผมไม่เห็นถึงพัฒนาการในทีมเลย บางอย่างภายในสโมสรไม่ได้ช่วยให้เราก้าวไปยังระดับที่สูงขึ้นเลย เหมือนกับที่ ซิตี้, ลิเวอร์พูล เป็น หรือแม้แต่ อาร์เซนอล ในตอนนี้"

หลังจากบทสัมภาษณ์ได้เผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ทำเอาแฟนบอลต่างก็แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งของสโมสร และฝั่งของ โรนัลโด้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุคคลที่อยู่ในสโมสร ต่างพากันรู้สึกเจ็บปวดกับสิ่งที่ โรนัลโด้ พูดออกมาจากนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เริ่มกระบวนการพิจารณาลงโทษซูเปอร์สตาร์รายนี้ทันที ก่อนจะประกาศ "ยกเลิกสัญญา" กับนักเตะรายนี้ในที่สุด ปิดฉากชีวิตในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อย่างน่าผิดหวัง

"อีโก้" ทำลายตัวเอง?
หลายฝ่ายวิจารณ์ว่า จริงอยู่ที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มีสถิติการค้าแข้งอันน่าทึ่งชนิดที่คงหาใครมาเทียบได้ยาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าตัวอายุ 37 ปี หรืออยู่ในช่วงปลายของอาชีพค้าแข้งแล้ว คงไม่สามารถเล่นหรือวิ่งได้เท่ากับนักเตะหนุ่มๆ 

นอกจากนี้แท็กติกการเล่นในวงการฟุตบอลปัจจุบันก็เปลี่ยนไปทุกวัน โดยอาศัยการวิ่งมากขึ้นเพื่อไล่เพรสซิ่งแย่งบอลจากคู่แข่ง รวมถึงทีมเวิร์กที่ต้องช่วยกันรุกช่วยกันรับทั้ง 11 คน ซึ่งคงไม่เหมาะกับสไตล์ของ โรนัลโด้ ในปัจจุบัน 

สถิติระบุว่าในเรื่องการทำประตูต่อเกมเมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มี โรนัลโด้ อยู่ในสนาม มีตัวเลขที่ดีกว่าด้วยค่าเฉลี่ยยิงได้ 2 ประตูต่อเกม ซึ่งมากกว่าเมื่อมี โรนัลโด้ ลงเล่น ด้วยค่าเฉลี่ย 1.3 ประตูต่อเกมเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การล่าตาข่ายของแมนยู โรนัลโด้ ไม่ได้เป็นคนสำคัญอีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับในเรื่องโอกาสการส่องประตูต่อเกมเมื่อทีมไม่มี โรนัลโด้ พวกเขามีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 17.7 ครั้งต่อเกม ซึ่งมากกว่าเมื่อมี โรนัลโด้ ด้วยค่าเฉลี่ย 15.6 ครั้งต่อเกม

แม้สถิติจะบอกชัด แต่เจ้าตัวอาจมั่นใจในตัวเองว่ายังสามารถเป็น "คนสำคัญ" ของทีม ที่ทุกคนต้องช่วยเขา เล่นเพื่อเขา และไล่แย่งบอลเพื่อส่งให้เขา ซึ่งสวนทางกับสไตล์การทำทีมของกุนซืออย่าง เอริก เทน ฮาก ที่เน้นทีมเวิร์กอย่างชัดเจน 

และเมื่อสองฝ่ายขัดแย้งกัน ก็ต้องมีฝ่ายหนึ่งต้องไป และฝ่ายนั้นก็คือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นั่นเอง

ส่วนอนาคตของเจ้าตัวจะเป็นอย่างไรต่อไป จะย้ายไปค้าแข้งให้ทีมไหนนั้น คาดว่าเราคงได้ทราบคำตอบกันในเร็วๆนี้

"โรนัลโด้ vs แมนยู" ย้อนปมขัดแย้งก่อนถึงวันแตกหัก

logoline