1. แท็กติก "High Line" และการจัดระเบียบแนวรับที่ยอดเยี่ยม
อาร์เจนติน่า มีโอกาสทำประตูได้หลายต่อหลายครั้ง โดยนอกจากจุดโทษของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่นาทีที่ 10 แล้ว พวกเขายังส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายได้อีกถึง 3 ครั้ง แต่ผู้ตัดสินและเทคโนโลยี "จับล้ำหน้ากึ่งอัตโนมัติ" หรือ SAOT ก็ทำให้พลพรรค "ฟ้าขาว" ถูกริบประตูคืนทั้งหมด
เมื่อเทียบกับพรสวรรค์ในการโจมตีของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ, อังเคล ดิ มาเรีย และลิโอเนล เมสซี่ ถือว่าซาอุดีอาระเบียวางแท็กติกที่เสี่ยงเป็นอย่างมากด้วยการดันแนวรับสูง หรือที่เรียกว่า High Line เพื่อหยุดยั้งเกมแดนกลางของคู่แข่ง และก็ส่งผลให้นักเตะอาร์เจนติน่าถูกกับดักล้ำหน้าเล่นงานไปถึง 10 ครั้ง
การเล่นแบบ High Line มีความเสี่ยงก็คือหากเช็กล้ำหน้าพลาดนั่นหมายถึงโอกาสเสียประตูสูงมาก แต่แนวรับทั้ง 4 ของซาอุฯถือว่าประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมจนแทบไม่มีข้อผิดพลาดให้เห็น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ "โค้ชอ็อตโต้" พันธ์นารายณ์ พันธุ์ศิริ กุนซือของ ชัยนาท ฮอร์นบิล เจ้าของเพจ The NEXT COACH ได้วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจ โดยอธิบายวิธีการประสานงานของแนวรับซาอุฯทั้ง 4 คนอย่างละเอียด พร้อมชี้ว่า ความสามารถในการอ่านเกมและเข้าใจเกม เป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากสำหรับผู้เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ในฟุตบอลสมัยใหม่
***อ่านรายละเอียดการวิเคราะห์ได้ในเพจ The NEXT COACH >>> คลิกที่นี่ <<<
2. ตัดฟาล์วเพื่อทำลายเกม
ฟุตบอลโลก 2022 ครั้งนี้ จะเห็นว่าผู้ตัดสินมักปล่อยให้เกิดการทำฟาล์วโดยไม่ได้มีการลงโทษที่รุนแรงมากนัก จะให้ใบเหลืองก็ต่อเมื่อเป็นการฟาล์วที่รุนแรงจริงๆ เท่านั้น ทั้งเกมระหว่าง สหรัฐฯ-เวลส์ รวมถึง อาร์เจนติน่า-ซาอุฯ ในนัดนี้
เกมนี้ ซาอุฯ ทำฟาล์วนักเตะอาร์เจนติน่าไปถึง 21 ครั้ง เป็นสถิติสูงสุดของฟุตบอลโลก 2022 นับถึงเวลานี้
สถิติการทำฟาวล์ในฟุตบอลโลก 2022
การถูกตัดฟาล์วอยู่บ่อยๆส่งผลให้อาร์เจนตินาร้อนรนมากขึ้นเรื่อยๆโดยเฉพาะในช่วงท้ายเกม พยายามเร่งเกมเพราะกลัวจะถูกทำฟาล์วจากการครองบอลนานๆ จนสุดท้ายก็จ่ายผิดพลาดจนเสียการครองบอลไป
ประตูตีเสมอของซาอุดีอาระเบีย เกิดจากการฝืนจ่ายบอลของ ลิโอเนล เมสซี่ ที่พยายามจ่ายบอลกลางสนามทั้งๆที่ถูกขวางอยู่ถึง 2 คน จนถูกตัดบอลได้ รวมถึง คริสเตียน โรเมโร่ ที่สภาพร่างกายก็ไม่ค่อยสมบูรณ์อยู่แล้วจึงหยุดยั้งการทำประตูของ ซาเลห์ อัล-เชห์รี่ ไม่สำเร็จ
ส่วนประตูที่สอง เริ่มต้นด้วยบอลโด่งหน้าประตูซึ่งไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับอาร์เจนตินาที่จะจัดการ แต่ผู้เล่นสองคนของพวกเขากลับปล่อยบอลตก จนไปเข้าเท้า ซาเลม อัล ดอว์ซารี่ และมีโอกาสล็อกหลบแข้งอาร์เจนฯก่อนยิงเข้าไป
และตลอดทั้งเกม ซาอุฯได้โอกาสยิงตรงกรอบแค่ 3 ครั้ง แต่เปลี่ยนเป็น 2 ประตู