
มาต่อกันที่ สเปน แม้ว่าก่อนหน้านี้ ต้องใช้เวลาฟื้นตัวสักพักใหญ่หลังล้มเหลวในฟุตบอลโลก 2014 และตามด้วยยูโร 2016 แต่ว่า ฆูเลน โลเปเตกี ก็ประสานงานต่อจาก บิเซนเต้ เดล บอสเก้ ได้ไร้ที่ติ นำทัพ กระทิงดุ เปิดบ้านถล่ม อิตาลี 3-0 คว้าแชมป์กลุ่ม ผ่านเข้ารอบสุดท้าย แบบสบายๆนอกจากประสบการณ์ที่เคียวกราดของ เซร์คิโอ รามอส, อันเดรส อิเนียสต้า, ดาบิด ซิลบา และ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ สเปนยังมีขุนพลพลังหนุ่มที่พร้อมขับเคลื่อนทีม อย่าง อิสโก้ และ มาร์กอส อเซนซิโอ สองคู่หูจาก เรอัล มาดริด รวมไปถึง ดิเอโก้ คอสต้า ลงยืนในแดนหน้า อีกทั้งยังมี ดาบิด เด เคอา ยืนเฝ้าเสา เรียกได้ว่า ทัพกระทิงดุชุดนี้ แกร่งไม่แพ้ในปี 2010 เลยทีเดียว
ชาติต่อมา เป็นทีมตัวแทนในทวีปแอฟริกา อย่าง โมร็อกโก ที่มี แอร์เว่ เรอนาร์ เป็นหนึ่งในกุนซือที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของแอฟริกัน ซึ่งในอดีต กุนซือรายนี้ เคยนำ แซมเบีย คว้าแชมป์ แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ มาครองแล้วเมื่อปี 2012 และเคยคว้าแชมป์กับทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ ในปี 2015 อีกทั้งผลงานที่โดดเด่น คือเขาสามารถพาทีมชาติโมร็อกโก ลุยศึกฟุตบอลโลกครั้งแรก นับตั้งแต่เมื่อปี 1998 อีกด้วย
แม้ว่า ทัพสิงโตแห่งแอตลาส จะถูกมองว่าเป็นม้านอกสายตา แต่ผลงาน 6 นัดรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขายังไม่เสียเลยแม้แต่ประตูเดียว และคว้าชัยชนะสำคัญเหนือ ไอวอรี่ โคสต์ ในนัดสุดท้าย โดยผู้เล่นคนสำคัญที่พาทีมเข้าถึงรอบสุดท้ายนี้ คงหนีไม่พ้นกองหลังมากประสบการณ์อย่าง เมห์ดี้ เบเนเตีย จากยูเวนตุส รวมถึง คาริม เอล อาห์มาดี้ กองกลางเชิงสูงจากเฟเยนูร์ด และยูเนส เบลานด้า เป็นอีกตัวทีเด็ด
ชาติชุดท้าย ตัวแทนจากเอเชีย อย่างอิหร่าน ภายใต้การนำทีมของกุนซือชาวโปรตุกีส คาร์ลอส เคยรอช อดีตมือขวาของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่อยู่กับทีมมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ปี 2011 โดยเขาสามารถสร้างทีมที่แข็งแกร่งและเล่นแบบมีระเบียบวินัยในบอลโลกที่บราซิล โดยในครั้งนั้น พวกเขาเกือบสร้างความผิดหวังให้ อาร์เจนตินา ได้อยู่แล้ว ก่อนที่ ลิโอเนล เมสซี่ ทำประตูชัยได้ช่วงทดเวลาบาดเจ็บในส่วนของผู้เล่นในทีมชุดนี้ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก นำโดยผู้เล่นอย่าง มาซูด โซจาอี้ , วาฮิด อามิรี่ และ คาริม อัลซาริฟาร์ด ศูนย์หน้าจากโอลิมเปียกอสเป็นตัวทีเด็ด แม้ว่าอิหร่านชุดนี้ จะไม่ได้มีผู้เล่นในระดับซูเปอร์สตาร์ แต่จุดแข็งของพวกเขายังอยู่ที่แนวรับ เนื่องจากพวกเขาไม่เสียเลยแม้แต่ประตูเดียวในรอบคัดเลือก ก่อนคว้าตั๋วลุยบอลโลก รอบสุดท้าย แบบไม่ยากเย็น
ทั้งหมดนี้ คือ 4 ชาติ ในกลุ่มบี ที่ถือว่าแต่ละทีมล้วนไม่ธรรมดา และจะประมาทไม่ได้เป็นอันขาด ซึ่งต้องติดตามให้ดีว่า 2 ใน 4 ทีมกลุ่มนี้ จะเป็นทีมเต็งอย่าง สเปน และโปรตุเกส ที่จะผ่านเข้ารอบ 16 ทีม หรือจะมีทีมม้ามืดอย่าง อิหร่าน และ โมร็อกโก สอดแทรก เข้ารอบสองหรือไม่.. ต้องติดตามกัน!