svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

คาด "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" กระตุ้นเศรษฐกิจ หลายธุรกิจได้รับอานิสงส์ด้วย

อนาคตไปได้ดี! โครงการ "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์" หนุนเศรษฐกิจไทย ดึงยอดนักท่องเที่ยง ดูดเงินเข้าประเทศได้เพิ่ม พร้อมเผยหุ้นไทยหลายอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว โรงแรม ศูนย์การค้า โรงพยาบาล ค้าปลีก แบงก์ ขนส่ง-สายการบิน สนามบิน สื่อ และรับเหมา-วัสดุก่อสร้าง ได้รับอานิสงส์

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติร่างพ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... หรือ "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"   (Entertainment Complex) ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาปรับแก้ และตั้งเป้าหมายว่า จะผลักดันร่างพ.ร.บ.ให้ทันสมัยการประชุมสภานี้ 

 

โดยร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สถานบันเทิงครบวงจร ฉบับใหม่ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ปรับปรุงแก้ไขสาระสำคัญหลายประการ ทั้งกำหนดคุณสมบัติผู้ประกอบการที่ต้องเป็นนิติบุคคลในไทยและมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท คนไทยที่จะเข้าไปเล่นกาสิโนได้ ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี และมีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือนนั้น

 

แม้ว่าภาครัฐจะพยายามผลักดันให้โครงการ Entertainment Complex มีความเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่แน่นอนว่า ความเมืองไทยเมืองพุทธจะยังคงเป็นภาพจำของคนไทย ทำให้ฝ่ายที่เห็นด้วยก็มี และฝ่ายที่ต่อต้านก็มากด้วยเช่นเดียวกัน

อาจด้วยข้อกฎหมายไทยหลายประการที่ยังมีช่องโหว่อยู่มาก ทำให้หลายฝ่ายอาจมีความกังวลใจว่าโครงการนี้อาจพลิกโอกาสเป็นวิกฤตได้ อาจเป็นอีกหนทางที่นำไปสู่การฟ้องเงิน หรืออื่นๆ ได้หรือไม่ หากว่ากฎระเบียนยังหละหลวมยากต่อการบริหารจัดการ แต่ในแง่มุมของธุรกิจและผู้ประกอบการภาคเอกชนอาจมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป

จากการสอบถามนักวิเคราะห์จากหลายบริษัทหลักทรัพย์พบว่า ส่วนใหญ่มีมุมมองในเชิงบวกต่อการผลักดันโครงการ Entertainment Complex ของภาครัฐ ทั้งในแง่ของการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว ดึงดูดเม็ดเงินใหม่ๆ เข้ามาในระบบเศรษฐกิจได้เพิ่ม อีกทั้งภาคเอกชนโดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทยยังได้รับอานิสงส์ร่วมด้วย

 

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยเหลือเพียงระดับ 3% หรือบางปีก็อาจไม่ถึง อย่างในปี 68 คาดการณ์จะขยายตัวในกรอบ 2.5 -2.9% นับว่าต่ำกว่าช่วงก่อนหน้านี้ 5 ปี ที่เศรษฐกิจไทยเคยขยายตัวระดับ 4%

จึงเป็นผลให้รัฐบาลต้องพยายามหาวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ แหล่งท่องเที่ยวครบวงจร (Entertainment Complex) ที่ไม่ได้มีเพียง กาสิโน (Casino) เท่านั้น แต่ภายในจะประกอบไปด้วยธุรกิจบันเทิงครบวงจร อาทิ สวนสนุก โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว และอื่นๆ

จากคาดการณ์ของรัฐบาลเชื่อว่าจะเกิดการลงทุนเป็นมูลค่า 1 แสนล้านบาท และรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1.19 -2.38 แสนล้านบาท และเป็นอีกปัจจัยหนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาแม้จะไม่ใช่ช่วงท่องเที่ยว (Low Season) ด้านรัฐบาลจะเก็บภาษีได้มากขึ้นอีก 1.2-3.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะนำไปพัฒนาประเทศ (โครงสร้างพื้นฐาน ดูแลสังคม การศึกษา)

ทางฝ่ายมองว่ามิติเศรษฐกิจที่รัฐบาลประเมินว่าจะสร้างรายได้ราว 1.2-2.4 แสนล้านบาท ถือว่ายังเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับมูลค่าเศรษฐกิจไทยที่ 18 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 1.3% ของ GDP หรือหากเทียบกับรายได้จากการท่องเที่ยวในปี 67 พบว่าอยู่ที่ 1.67 ล้านล้านบาท ก็จะคิดเป็น 14% ก็ถือเป็นตัวเลขที่มีนัยยะมากขึ้น

 

หุ้นไทยโดดรับอานิสงส์

ในแง่ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) หากประเมินโดยเบื้องต้นก็เชื่อว่ากิจการที่จะได้ประโยชน์เจ้าแรกคงเป็น สนามบิน แอย่าง AOT หาก Entertainment Complex เปิดทำการในพื้นที่ ตะวันออกกลาง เชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพ หาดใหญ่ AOT จะเป็นผู้ได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะรับบริหารสนามบินในพื้นที่ดังกล่าว แต่หากเป็นพื้นที่ในจังหวัดอื่นๆ ก็อาจไม่ได้รับอานิสงส์มากนัก

ส่วนธุรกิจโรงแรมจะเป็นกลุ่มได้ประโยชน์ถัดมา ได้แก่ ERW CENTEL และ MINT แต่ก็ต้องดูพื้นที่อีกเช่นกันเพราะส่วนใหญ่แล้วโรงแรมใน บจ. มักมีโรงแรมตามเมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต กรุงเทพ หัวหิน และ พัทยา

อีกกลุ่มที่จะได้ประโยชน์คือกลุ่มค้าปลีก อาทิ BJC CPALL GLOBAL และ DOHOME จากรายได้ของประชาชนที่จะมากขึ้นพร้อมกับการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว

นอกจากนี้ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ อย่าง BBL KBANK KTB SCB และ TTB ก็จะเป็นอีกกลุ่มที่ได้ประโยชน์ผ่านการขอสินเชื่อที่จะมากขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจและหากเศรษฐกิจดีขึ้น ภาระสำรองหนี้ก็มีแนวโน้มลดลงหนุนผลประกอบการ

ส่วนบริษัทอื่นๆ ที่มีกระแสข่าวว่ามีแผนจะลงทุนใน Entertainment Complex ได้แก่ VGI และ AWC แต่ไม่ว่าอย่างไร ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนที่แน่นอนประกอบกับเป็นไปได้ที่จะต้องผ่านกฎหมายต่างๆ อีกมาก ดังนั้น ความเห็นข้างต้นจึงเป็นเพียงการประเมินในเบื้องต้นเท่านั้น จึงแนะนำนักลงทุนค่อยๆ ติดตามความคืบหน้าจากนี้

 

 

ปรับกาสิโนให้ตรงจริตไทย

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มองว่าโครงการ Entertainment Complex ส่งอานิสงส์เชิงบวกต่อเศรษฐกิจในประเทศไทยมากกว่าเป็นผลลบ เพราะเป็นอีกช่องทางที่ช่วยดึงดูดด้านการท่องเที่ยว และสามารถสร้างรายได้เข้าประเทศได้เพิ่ม

โดยโมเดลของต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเก๊า และมาเลเซีย ที่มีธุรกิจกาสิโน แต่ละประเทศก็มีการออกแบบวิธีการจัดการให้เข้ากับจริตและวัฒนธรรมของประเทศ หากว่าไทยเปิดให้ดำเนินธุรกิจกาสิโนก็ต้องมากำหนดระเบียบของลูกค้าในประเทศ กำหนดค่าเข้า และค่าใช้จ่ายด้านบริหารต่างๆ ให้เหมาะสม

สิ่งที่ต้องคำนึงมากที่สุด คือ ต้องไม่เป็นการส่งเสริมการพนันจนเกินไป ดังนั้น อาจเห็นระเบียบการกำหนดค่าเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทย

"มองว่า Entertainment Complex ไม่เพียงสามารถสร้างรายได้เพิ่มในแง่ของการท่องเที่ยว ยังสร้างรายได้เพิ่มจากค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมใบเสนอราคา และอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งในส่วนนี้คาดว่าจะเข้ามาช่วยชดเชยภาระทางการเงินภาครัฐ รวมถึงยังสร้างเม็ดเงินใหม่เสริมส่วนรายได้งบประมาณลงทุนของภาครัฐอีกด้วย"

ถามว่าแล้วภาคเอกชน หรือ บริษัทจดทะเบียนไทย จะได้รับอานิสงส์นี้ด้วยหรือไม่ แน่นอนว่าในกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์ในทางตรงระยะแรก ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มรากฐาน กลุ่มงานเสาเข็ม กลุ่มซีเมนต์และคอนกรีต และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง  ถัดมา คือ กลุ่มการท่องเที่ยว เช่น สนามบิน สายการบิน โรงแรม ศูนย์การค้า ค้าปลีก โรงพยาบาล

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการด้านกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า Entertainment Complex อาจเป็นอีกแรงดึงดูดด้านการท่องเที่ยว และสร้างเม็ดเงินจำนวนมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยได้

ซึ่งจากการมองภาพใหญ่โครงการสร้าง Entertainment Complex นอกเหนือจากกาสิโน ก็จะมีโรงแรม ศูนย์การค้า ร้านค้าต่างๆ ร้านอาหาร ตลอดจนบริการทางการแพทย์และสุขภาพ อาจเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งภายในร่วมด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยแบบพิมพ์ที่ยังไม่มีความชัดเจนและเป็นเพียงขั้นตอนของการศึกษาทำให้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเรื่องนี้จะเป็นไปได้จริง หรือเกิดขึ้นได้เร็วมากน้อยแค่ไหน

 

นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การผลักดันโครงการ Entertainment Complex ต้องยอมรับว่าเมืองไทยเมืองพุทธ การเปิดคาสิโนอาจไม่ได้ดำเนินไปได้ง่ายดายนัก แน่นอนว่าต้องมีความเห็นค้านจากคนหลายกลุ่ม ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคให้ความชัดเจนล่าช้า

หากว่าทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ก็คาดว่าบริษัทจดทะเบียนเองก็อาจได้รับอานิสงส์ร่วมด้วย เช่น กลุ่มโรงแรม กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงกลุ่มร้านค้า ร้านอาหาร ภาคบริการต่างๆ ตลอดจนภาคขนส่งและการคมนาคม ซึ่งกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้ชนะการประมูลพัฒนาสร้างโครงการสนามบินอู่ตะเภา อย่าง BA BTS และ STEC เองก็น่าเป็นที่จับตามองด้วยเช่นเดียวกัน

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปิดกาสิโนในประเทศไทยนั้นเป็นเรื่องใหญ่ และอาจไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายนัก เพราะในเรื่องของกฎหมายที่ไม่ได้รองรับทำให้อาจต้องใช้ระยะเวลาในการปรับเปลี่ยนหรือแก้ไข เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด อีกทั้งก็ยังมีคนไทยอีกไม่น้อยที่คัดค้านความเห็นดังกล่าว

 

แต่หากว่าการผลักดันกาสิโนในไทยบรรลุผลสำเร็จ ทางฝ่ายมองว่าการที่ภาครัฐผลักดัน โครงการ Entertainment Complex จะเป็นบวกต่อหุ้น GRAMMY จากการลงทุน Concert Hall และกลุ่มท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น เช่น AOT, AAV, ERW, CENTEL แต่หากก่อตั้ง Complex ใกล้สนามบินอู่ตะเภา คาดบวกต่อหุ้น BA, BTS, STEC

นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดมุมมองว่า อิงกรณีศึกษาจากมาเก๊า ที่เริ่มอนุญาตให้เอกชนลงทุน Entertainment Complex ช่วงปี 2000-2001 หลังทยอยสร้างแล้วเสร็จปี 2006-2011 พบว่านักท่องเที่ยวปี 2011 เพิ่มขึ้นจากปี 2005 ถึงราว 49.7% ทำให้เชื่อว่าโครงการดังกล่าว จะช่วยยกระดับภาคบริการไทยขึ้นจากจุดสูงสุดในอดีต ที่มีนักท่องเที่ยวเข้าไทยสูงสุดในปี 2019 ที่ 39.4 ล้านคน

 

กลุ่มหุ้นจึงให้น้ำหนักจิตวิทยาทางบวกต่อกลุ่มต่างๆ ดังนี้

  • หุ้นในกลุ่มที่มีฐานทุนสูงและมีกระแสข่าวเข้าร่วมโครงการ อาทิ AWC, กลุ่ม บ.อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ UTA (BA+BTS+STEC), กลุ่ม CP และกลุ่มเดอะมอลล์
  • หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะมีโอกาสจาก Mega Projects ขนาดใหญ่ เน้น STEC ที่มีโอกาสเดินหน้าไปกับกลุ่ม UTA
  • หุ้นธนาคารที่คาดมีการปล่อยสินเชื่อขนาดใหญ่สนับสนุนโครงการ อาทิ BBL, KBANK, KTB
  • หุ้นภาคบริการ เน้น AOT, MINT, BDMS

 

ส่วนบริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เผยว่า การที่ภาครัฐผลักดันโครงการ Entertainment Complex มองว่าส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจกิจในประเทศ ทั้งในแง่ของการท่องเที่ยว และการรายได้ โดยหุ้น 3 กลุ่ม ได้ประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เช่น CK, STEC, กลุ่มสื่อ เช่น GRAMMY, ONEE, RS, WORK, VGI และกลุ่มท่องเที่ยว เช่น CENTEL, ERW, MINT เป็นต้น

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุว่า มองหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก โครงการ Entertainment Complex ได้แก่ AWC, CENTEL, MINT, ERW, CPN และ AOT

 

สำหรับบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เผยมุมมองว่า โครงการ Entertainment Complex จะเป็นผลเชิงบวกต่อกลุ่มหุ้น VGI, กลุ่มทุนขนาดใหญ่ อย่าง AWC และกลุ่ม MBK ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มสยามพิวรรธน์