
นาฏกรรมแห่งชีวิต คุณหญิงพจมาน เคยเตือนทักษิณ อยู่กับอีลิตให้ได้ จับตาตัวจริงบ้านจันทร์ ในภารกิจใหม่ฝ่าวังวนพันลึก
ก่อนกลับไทย ทักษิณตั้งใจจะกลับมาเลี้ยงหลาน พลันที่สวมบท ส.ท.ร. ก็เหมือนฉายหนังเรื่องเดิม เรื่องชายซื่อบื้อกับอีลิต
ภาพคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ พร้อมลูกสาว แพทองธาร ชินวัตร และ พิณทองทา คุณากรวงศ์ เข้าเยี่ยม ทักษิณ ชินวัตร ที่เรือนจำกลางคลองเปรม เสมือนฉากนิยายนาฏกรรมแห่งชีวิต
แพทองธาร พูดกับสื่อในฐานะลูกสาวของพ่อทักษิณ
“...คุณพ่อ เข้มแข็งกว่าเราอีก...ในช่วง 17 ปีที่ผ่านมา ชีวิตครอบครัวเราก็มีหลายรสชาติ และรอบนี้ก็มาเจอผ่านกระจก ก็ให้กำลังใจกันไปในทุกเรื่อง ทุกหัวข้อ”
วันอังคารที่ 16 ก.ย.2568 มีการประชุม สส.พรรคเพื่อไทย ปรากฏว่าคุณหญิงพจมาน ได้เดินเข้ามาให้กำลังใจสมาชิกพรรค พร้อมกล่าวว่า “สู้ๆนะคะ” ทำให้ สส.ต่างยืนขึ้นปรบมือทั้งห้องประชุม
มีรายงานว่า คำพูดเพียงไม่กี่คำของคุณหญิงบ้านจันทร์ ย่อมเหมือนชาชูกำลังให้ สส.ค่ายสีแดงเชื่อมั่นว่า ตระกูลชินวัตร ยังสู้ต่ออย่างเต็มที่ในสนามเลือกตั้งสมัยหน้า
เมื่อปลายปี 2565 “โอ๊ค เอม อิ๊งค์” ได้ร่วมกันจัดทำหนังสือ Thaksin Shinawatra : Theory and Thought ซึ่งเป็นครั้งแรกที่คุณหญิงพจมานได้ให้สัมภาษณ์ถึงสามี และลูกทั้งสามคน
ทีมกอง บก.หนังสือเล่มนี้ ได้ถามคุณหญิงพจมานเรื่องความผูกพันกับทักษิณว่า
“โตมาด้วยกัน เจอกันมาตั้งแต่อายุ 15 ท่านอายุ 21 ไปเรียนต่างประเทศด้วยกัน ผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยกันทั้งหมด..”
ช่วงที่ทักษิณต้องใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดน 17 ปี เวลาส่องกระจกคราใดก็นึกเห็นใบหน้าคุณหญิงพจมาน
“...เพราะคำพูดที่เคยเตือน แล้วท่านคงจำได้ดี และตอนนี้ ท่านคงเข้าใจแล้ว และคงรู้สึกเศร้า และอยากให้ท่านกลับมาเลี้ยงหลาน” คุณหญิงพจมาน ตอบคำถามกรณีที่ทักษิณส่องกระจก แล้วเห็นแต่หน้าคู่ชีวิต
คุณหญิงจันทร์ส่องหล้า ไม่ได้ขยายความว่า เคยเตือนสามีว่าอย่างไร และเหตุที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ลืมคำเตือนหรือเปล่า โชคชะตาจึงพัดพาให้ ส.ท.ร.เข้าไปอยู่เรือนจำ
ที่แน่ๆ ทักษิณอาจลืมไปว่า ก่อนกลับเมืองไทยได้พูดไว้ 3 ประเด็นคือ 1.อยากกลับเมืองไทย คิดถึงอนาคตของหลาน 2.ให้อภัยศัตรูหรือคู่ปรปักษ์ทางการเมือง 3.สงสารคุณหญิงพจมาน ที่ต้องแบกทุกเรื่อง
สมัยที่ “ทักษิณ” ในนาม โทนี่ วู้ดซั่ม สื่อสารผ่านคลับเฮาส์ ได้บอกเล่าถึงสาเหตุที่เขาถูกยึดอำนาจ จนต้องมาใช้ชีวิตอยู่นอกประเทศ เพราะเขาเป็นคนซื่อบื้อ คนโง่ ไม่ได้เข้าไปหากชนชั้นนำ หรือกลุ่มอำมาตย์
ในหนังสือ Thaksin Shinawatra : Theory and Thought บทที่ชื่อว่า The Fool เมื่อถูกถามว่า คุณรู้สึกว่าตัวเองโง่เรื่องอะไรมากที่สุด
ทักษิณตอบว่า “ผมอาจจะโง่เรื่องคน ประสบการณ์ ชีวิตผมเป็นคนบ้านนอก ชีวิตเราง่ายๆ เราอยู่บ้านนอก”
ทายาทลูกจีนเมืองเหนือ เข้ามาโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แล้วก็ไปเรียนหนังสือเมืองนอก กลับมาก้มหน้าก้มตาทำมาหากิน สู้สร้างชีวิต สู้ด้วยตัวเอง จนกลายเป็นไทคูนสื่อสาร
“ชีวิตมันก้าวกระโดด มันผ่านสังคมกรุงเทพฯน้อยไป ผ่านสังคมของอีลิตน้อยไป มีแต่สังคมทหาร ตำรวจ สังคม ธุรกิจ ไม่กว้างเท่าไหร่ นายแบงก์ต่างๆ ก็รู้จักไม่เท่าไหร่ เราก็เลยไม่ได้อยู่ในสังคมอีลิต ถึงแม้ฐานะเราอยู่ในอีลิต แต่ในสังคมอีลิต เราไม่มี อันนั้นคือความโง่”
สังคมอีลิตหรือชนชั้นนำในสายตาของทักษิณ ก็ไม่ต่างจากวาทกรรมของแกนนำ นปช. ว่าด้วยเรื่องไพร่กับอำมาตย์
ตรงกันข้าม คุณหญิงพจมาน กลับเป็นคนที่เข้าถึง “วงใน” รัฐพันลึกระดับหนึ่ง หากวันข้างหน้า คุณหญิงบ้านจันทร์ จะต้องนำทัพเพื่อไทยสู้ศึกเลือกตั้งสมัยหน้า คงได้สรุปบทเรียนของทักษิณในความเป็น “ส.ท.ร.” ในรอบสองปีที่ผ่านมา