
26 มกราคม 2568 การเลือกตั้งระดับองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ในวันที่1กุมภาพันธ์ ช2568 เวลา 08.00 - 17.00 น.ที่จะมีขึ้นทั่วประเทศ โดย 47 จังหวัด ที่ชาวบ้านร้านตลาดจะได้เลือก "นายก อบจ." เนื่องจากนายกอบจ. 29 จังหวัดลาออกหรือพ้นตำแหน่งด้วยวิธีต่างๆก่อนครบวาระ จึงจัดการเลือกตั้งไปก่อนหน้านี้แล้ว
เหตุผลหลักที่ทำให้นายกอบจ.ลาออกก่อนครบวาระ คือ การชิงความได้เปรียบทางการเมือง และเลี่ยงเงื่อนไขทางกฎหมายบางประการ แต่สำหรับสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) 76 จังหวัดนั้น จะเลือกตั้งพร้อมกันในวันและเวลาเดียวกันกับนายกอบจ.
จากนั้นจะมีการเลือกตั้งระดับเทศบาลที่น่าจะมีขึ้นในช่วงสองเดือนข้างหน้า
ตัวเลขการใช้สิทธิเลือกตั้งอบจ.ปี 2563 พบว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 29.2 ล้านคน ( 62.86%) จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อบจ. 46.5 ล้านคน และในปี 2568 กกต. ตั้งเป้าหมายว่าน่าจะมีผู้มาใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 65% โดยอย่าลืมว่าเลือกตั้งท้องถิ่นนั้น กติกาที่วางไว้คือ”ไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าและเลือกตั้งนอกเขต”ซึ่งหากผู้สมัครคนใดกุมสภาพฐานเสียง-หัวคะแนน-ทีมผู้สมัครส.อบจ.ไว้ได้ โอกาสชนะแบบยกทีมจะมีมากขึ้น
แต่ตัวเลขดังกล่าวที่กกต.วาดหวังไว้นั้น น่าจะเป็นไปได้ยากเพราะการหย่อนบัตรงวดนี้มีสิ่งที่แตกต่างออกไปคือกกต.กำหนดให้มีการเลือกตั้งใน"วันเสาร์" (ไม่ใช่วันอาทิตย์เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา)ซึ่งมีผลต่อการออกไปใช้สิทธิของประชาชนและมีผลกับคะแนนที่ผู้สมัครแต่ละคนควบคู่กัน รวมทั้งการตื่นตัวของประชาชนที่ไม่ค่อยจะสนใจเวทีนี้เท่ากับการเลือกตั้งสส.
เวทีท้องถิ่นนี้ บรรดากูรูการเมืองชี้ว่า
หากผู้สมัครคนใดกุมสภาพทั้งสามข้อนี้ไว้แล้วนั้น "ได้เปรียบสูงกว่าคู่แข่ง" และยังมองว่าการแข่งขันระหว่างพรรคเพื่อไทย-พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย-พรรคภูมิใจไทยนั้นคือ "เวทีเช็กเรตติ้งของพรรคนั้นๆ" เคียงข้างการเมืองเวทีใหญ่ไปในตัว
จะเห็นได้ชัดเจนคือลีลาการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยซึ่งผู้ช่วยหาเสียงหลักคือ"ทักษิณ ชินวัตร" นั้น ชูนโยบายของ "สร.1" แพทองธาร ชินวัตรแบบไม่มีเหนียมรวมทั้งหวังปักธง และน่าพิจารณาต่อว่าตั้งแต่ปี2544จนถึงวันนี้ พรรคสีแดงเน้นเวทีท้องถิ่นในงวดนี้มากกว่าที่ผ่านๆมา
เพราะผู้สมัครนายก อบจ. 14+2 คนของพรรคสีแดง(สองคนเป็นสมาชิกพรรค ส่วนสิบสี่คนนั้นส่งในนามผู้สมัครของพรรค)
"ทักษิณ" ชี้ว่า 14 คนน่าจะชนะและอาจพ่ายไปสองคน รวมทั้งลีลาของทักษิณที่ดุดันและกล้าออกตัวทุกเวทีจนชิงพื้นที่ข่าวสารไปได้มาก และเสมือนว่าทักษิณคือหัวหน้าพรรคและหัวหน้ารัฐบาลตัวจริง
เหตุผลดังกล่าว น่าจะมาจากการที่พรรคเพื่อไทยแพ้พรรคสีส้มเมื่อปี 2566 และบางจังหวัดเสียพื้นที่ให้พรรคสีน้ำเงิน ทำให้ทักษิณต้องปลุกกระแสสีแดงให้กลับมาและจะมีผลกับสร.1คนปัจจุบันพ่วงไปด้วย
โดยเวทีที่พรรคสีแดงเน้นหนักคือ "นครพนมและศรีษะเกษ" ที่ต้องชิงกับพรรคสีน้ำเงินโดยตรง
ส่วนจังหวัดอื่นๆใน"ภาคเหนือและอีสาน" จับตาเวทีที่ "ทักษิณ" ได้ไปหาเสียงมาแล้วและจะไปปักหมุดรอบสุดท้ายในไม่กี่วันข้างหน้าเพราะบางจังหวัดพบว่าคะแนนการเลือกตั้งสส.ระบบบัญชีรายชื่อนั้นพรรคสีแดงแพ้พรรคสีส้มแบบทิ้งห่าง และบางจังหวัดที่พรรคสีแดงไม่ส่งผู้สมัคร (ชลบุรี ตราด นนทบุรี นครปฐม) รวมทั้งบางภูมิภาค เช่นปักษ์ใต้นั้นพบว่า บางจังหวัดพรรคสีแดงเว้นให้ "พันธมิตรทางการเมือง"
บางจังหวัด ผู้สมัครของพรรคสีแดง "เรตติ้งไม่ดี ลงแข่งก็แพ้" แต่บางภูมิภาค เช่น "ภาคใต้" นั้น "พรรคสีแดง" รับสภาพแล้วว่า "ตั้งแต่ปี2544 จนถึงวันนี้" พรรคสีแดงในนามพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย สามารถปักธงสส.เขตได้เพียงครั้งเดียวและคนเดียว (กฤษ สีฟ้า สส.พังงา ในการเลือกตั้งปี2548)ดังนั้นหากยิ่งแข่งยิ่งแพ้ "สู้อยู่นิ่งๆแล้วเชียร์เพื่อนดีกว่า"
พรรคปชน. หวัง 1 ใน 3 ของ 17 จว.
หันมอง"พรรคสีส้ม"ที่มี 2 อดีตหัวหน้าพรรคคือ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นผู้ช่วยหาเสียงและเรียกคะแนนในสิบเจ็ดจังหวัด (พรรคสีส้มส่งผู้สมัครนายกอบจ.ยี่สิบจังหวัดอย่างเป็นทางการ โดยสามจังหวัดที่เลือกตั้งไปแล้วและพรรคสีส้มพ่ายแพ้ คือ ราชบุรี อุดรธานี อุบลราชธานี ) นั้น
แม้วันนี้กระแสสีส้มจะดีขึ้นซึ่งผลสำรวจความนิยมล่าสุด ของ"พรรคประชาชน"อยู่ที่ 37% ใกล้เคียงกับ"พรรคก้าวไกล" ในช่วงก่อนเลือกตั้ง สส. ปี 2566 ที่มีคะแนนนิยม 39%
และพบว่า 17 จังหวัดในคราวนี้พรรคสีส้มหวังไว้ว่าหากปักธงได้สัก1ใน 3 ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว
แต่เอาเข้าจริงๆแล้วงวดนี้พรรคสีส้มน่าจะสู้ยากและอัตราต่อรองที่คอการเมืองนั้น มีอัตราว่า"พรรคสีส้มจะแพ้และไม่ได้นายกอบจ.ทุกสนามในงวดนี้" เหมือนกับการเลือกตั้ง อบจ. เมื่อ 4 ปีที่แล้วเพราะผู้สมัครนายกอบจ.ในนามคณะก้าวหน้า42 คนแพ้ทุกสนาม แม้พรรคสีส้มจะนำส.อบจ. 57 คน เข้าสภาอบจ.ได้ 20 จังหวัดก็ตาม
ดังนั้นไม่กี่วันข้างหน้านี้ ต้องดูใจชาวไทยว่าจะปักหลัก/เทใจให้ค่ายใด สีไหนเข้าบริหารอบจ.นั้นๆในสี่ปีข้างหน้าและจับตาอาการของแกนนำของแต่ละพรรค แต่ละสีด้วยว่าวันข้างหน้าพวกเขาจะวางบทบาทกันอย่างไรในการบริหารบ้านเมือง