
สีสันการเมืองตอนนี้คงไม่พ้นการหาเสียง"เลือกตั้งนายกอบจ."เเละส.อบจ. ที่จะเกิดขึ้นวันเสาร์ที่ 1กุมภาพันธ์ 2568 ( เลือกนายกอบจ.47 จังหวัด ส.อบจ.76 จังหวัด ) เเละมีผลกับสนามเล็กคือเลือกตั้งนายกเทศมนตรีในเดือนมีนาคมซึ่งคนการเมือง/บ้านใหญ่เเต่ละพื้นที่จะวางขุมข่ายไว้เพราะจะส่งผลกับการวางเเผนสนามใหญ่คือเวทีสส.ที่จะเกิดขึ้นในปี 2570 หรืออาจเร็วกว่านััน
หากไล่อ่านประวัติศาสตร์การเมืองท้องถิ่นของหลายจังหวัดนั้นจะพบว่า บางจังหวัดมีการผูกขาด "สนามอบจ."จากบางตระกูลยาวนานจนการเเข่งขันของจังหวัดนั้นๆไม่ตื่นตัวเเละเกิดการฝังราก ซึ่งบางครั้งพบ "การทุจริตอย่างเป็นระบบ"
สิ่งที่กล่าวไว้ในขั้นต้นนั้นไม่ผิดจากความจริงเพราะ "การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561-67 ของสำนักงานปปช." เเละรายงานการใช้งบประมาณจากสำนักงานตรวจเงินเเผ่นดิน (สตง.) เป็นดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของท้องถิ่นนั้นๆว่าสุจริต/ทุจริต ดัชนีตัวใดมีผลคะเเนนมากกว่ากัน
สนามการเลือกตั้ง"นายกอบจ."และ ส.อบจ.ประจวบคีรีขันธ์ที่จะมีขึ้นนั้นน่าสนใจ เพราะสำนักงานป.ป.ช.ชี้อันดับความโปร่งใสของเมืองสามอ่าวนั้นอยู่ใน "โซนตกชั้น/หนีตกชั้นมาหลายปีเเล้ว" ตรงนี้ชาวประจวบฯรับทราบเเละตื่นตัวกับข้อมูลเชิงลบนี้หรือไม่...เเละ 8 อำเภอ "เมืองสามอ่าว" จะให้โอกาสใคร ระหว่างเเชมป์เก่าหรือเกิดการพลิกล็อกทางการเมืองเพื่อการเปลี่ยนเเปลง?
หากไล่ไทม์ไลน์การเมือง "เมืองสามอ่าว" ในช่วงกว่ายี่สิบปีมานี้พบว่า"ตระกูลลิ้มอรุณรักษ์" เข้ามาทำหน้าที่นายกอบจ.ประจวบคีรีขันธ์ สี่ครั้ง จากการเลือกตั้ง คือ "ทรงเกียรติ ลิ้มอรุณรักษ์" สามครั้ง ( 2547-2551-2555 ) ก่อนส่งมอบให้ "สราวุฒิ" ซึ่งเป็นพี่ชายในปี 2563 และคราวนี้ "เฮียไล้" ลงสมัครสนามนี้อีกครั้ง โดยปัจจัยหนึ่งที่สนับสนุนตระกูลลิ้มอรุณรักษ์นั้น มาจากการบริหารทีมฟุตบอล PT ประจวบฯเอฟซีซึ่งนับเป็นฐานสนับสนุนสำคัญและเครือข่ายสจ. 30 เขตใน 8 อำเภอ รวมทั้งกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย ( เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ )และนักการเมืองระดับชาติจากบางพรรคในพื้นที่
ต้องจับตาว่า"เฮียไล้"กับทีมประจวบฯโมเดลจะป้องกันเก้าอี้นายกอบจ.เเละสจ.ประจวบฯ 30 เขตอีก 1 สมัยด้วยนโยบาย "สาน/ส่งเสริม/สร้าง" เพื่อไปบริหารงบประมาณ 666 ล้านบาทที่ผ่านความเห็นชอบของสภาอบจ.เมืองสามอ่าวไปเเล้วเมื่อไม่นานมานี้
หรือจะให้ "นิติ ปลั่งศรีสกุล" ทายาท"วิชิต ปลั่งศรีสกุล" อดีตสส.บัญชีรายชื่อสามสมัย เเละอดีตประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ามาขับเคลื่อนเเทน โดย "ซี นิติ" อาศัยความเป็นคนหนุ่มหน้าใหม่ไฟแรงและพ่วงดีกรีความรู้และประสบการณ์ใหม่มาทำหน้าที่เพื่อให้เกิดการ "เปลี่ยนประจวบฯให้ดีกว่าเดิม"กับนโยบายสามเหลี่ยมหมายเลข 8 ในสี่ปีข้างหน้า
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจเเละเป็นดัชนีชี้วัดคือ"ความโปร่งใส ธรรมาภิบาล สุจริต" เพราะการบริหารอบจ.ประจวบฯนั้นมีข้อสังเกตว่า เป็นจริงแบบนั้นหรือไม่เพราะ"การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561-67ของสำนักงานปปช." นั้นพบว่า ความโปร่งใสของอบจ.ประจวบฯในบางปีจะอยู่"อันดับท้ายตาราง" เพราะข้อมูลในเว็บไซต์ของสำนักงานปปช.ระบุว่า อันดับความโปร่งใสของอบจ.76แห่งตั้งแต่ปี2561-2567 จะพบว่าอันดับของอบจ.ประจวบฯมีดังนี้
2561 อันดับที่58 จาก70 อันดับ
2562 อันดับที่ 64 จาก76 อันดับ
2563 อันดับที่ 44 จาก 76 อันดับ
2564 อันดับที่ 51 จาก 76 อันดับ
2565 อันดับที่ 73 จาก 76 อันดับ
2566 อันดับที่ 75จาก 76 อันดับ
2567อันดับที่ 63 จาก 76 อันดับ
ตรงนีัต้องดูว่า"เฮียไล้" จะคลีน&เคลียร์คำถามนี้อย่างไร ในช่วงที่ดูเเลอบจ.ประจวบฯเมื่อสี่ปีที่เเล้วเเละสี่ปีข้างหน้าอันดับอบจ.ประจวบฯจะพ้นเส้นอันตรายนี้ได้เพียงใด...เเละตอนนี้เริ่มมีกระเเสข่าวเเล้วว่า"บิ๊กเนม"ในพื้นที่บางคนจะรอดหรือร่วงจากเหตุถูกกล่าวหาว่าทุจริตในการทำหน้าที่เมื่อปี 2555
ข้อมูลวงในชี้มูลเหตุที่ "อดีตนายกเกียร์" มอบหมายภารกิจให้ "นายกไล้" เมื่อสี่ปีที่แล้วคือ อดีตนายกเกียร์โดน "ใบเหลือง" จากข้อกล่าวหาในการทำหน้าที่นายกอบจ.ประจวบฯว่า "ทุจริต" และวันนี้รอลุ้นคำพิพากษาของศาลฎีกาว่าจะโดน "ใบแดง+ใบดำ" ว่าผิดจริงหรือไม่ในเร็วๆนี้ จากคดีประวัติศาสตร์ของอบจ.ประจวบฯคือ
ทรงเกียรติ ในฐานะ "นายกอบจ.ประจวบฯ"ลงนามว่าจ้างในสัญญาการวางแนวท่อประปา ลงวันที่ 21 ก.ย.2555 บริเวณถนนเพชรเกษม หมู่9 ต.แสงอรุณ อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ(ป้อมตำรวจบ้านต้นกระโดน)วงเงิน5 .6 ล้านบาทเศษซึ่งมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบว่า "อาจมีการทุจริต" จนมีการส่งเรื่องให้สำนักงานป.ป.ช.ตรวจสอบชี้มูล จากนั้นอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ต่อมาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 พิพากษาความผิดของ”ทรงเกียรติกับพวก "รวมเจ็ดคน(ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ในคดีที่อท.58/2563 โดยทรงเกียรติในฐานะจำเลยที่หนึ่งนั้น ศาลลงโทษจำคุกหกปี แต่ให้การเป็นประโยชน์จึงลดโทษให้1ใน3 เหลือโทษจำคุกสี่ปี และตอนนี้รอผลจากศาลฎีกาตามที่จำเลยทั้งเจ็ดยื่นฎีกา)
และยังพบว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้ตรวจสอบรายละเอียดการใช้จ่ายเงินงบประมาณปี 2557 พบว่า อบจ. ประจวบฯ เบิกจ่ายเงินงบประมาณหมวดค่าตอบแทน เพื่อจ่ายเป็นเงินประโยชน์ตอบแทนอื่นเป็นกรณีพิเศษ (โบนัส) ให้กับข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และพนักงานจ้าง ประจำปีงบประมาณ 2556นั้นพบว่า สตง.สั่งเรียกเงินคืน 29.07 ล้านบาท อบจ.ประจวบฯ ที่จ่ายโบนัสปี 2556-57 วงเงิน 19.99 ล้านบาทพ่วงตั้งงบโครงการสนับสนุนท้องถิ่น 9.08 ล้านบาทว่า"ผิดระเบียบ" ซึ่งห้วงเวลานั้น "นายทรงเกียรติทำหน้าที่นายกอบจ.ประจวบฯ"
ตรงนี้เป็นการบ้านที่ชาวประจวบฯต้องพิจารณาว่าการบริหารงานที่ผ่านมาของผู้บริหารอบจ.ประจวบฯนั้นเป็นอย่างไรและไม่กี่วันข้างหน้าควรจะให้โอกาสใครไปทำงาน....