svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“ทวี” แนะสูตร “10 หยิบ 1” กมธ.ร่าง รธน.หนุนสุดตัวจัดทำ รธน.ฉบับใหม่

“ทวี” ชงหลักเกณฑ์ “10 หยิบ 1” กมธ.ร่าง รธน. หนุนสุดตัวจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ บอกเป็นภารกิจ สส.ที่จะเลือกตั้งเข้ามา ทำหน้าที่เลือกผู้ร่างกติกาประเทศ

11 ธันวาคม 2568 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 1 สมัยวิสามัญ วาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พุทธศักราช .... (ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ในฐานะกรรมาธิการฯ ลุกขึ้นอภิปราย และชี้แจงหลายครั้ง มีหลายประเด็นน่าสนใจเกี่ยวกับแนวคิดแนวทางในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และโมเดลเกี่ยวกับคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญ
 

พ.ต.อ.ทวี อภิปรายตอนหนึ่งว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่จะเกิดขึ้นครั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “จัดทำได้”  แต่ต้องไปออกเสียงประชามติ และก็ได้บัญญัติว่า ผู้จัดทำเสนอริเริ่มจะให้มีรัฐธรรมนูญใหม่ คือ “รัฐสภา” ซึ่งประกอบด้วย สส. 500 คน สว. 200 คน รวม 700 คน ฉะนั้นผู้ที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญคือ สมาชิกทั้ง 700 คน การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ก็หวังว่า สส.500 คน อาจจะไม่มีอยู่ในสภานี้เลยก็ได้ หรืออาจจะกลับมาร่างรัฐธรรมนูญอีก ก็มีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น ตนจึงมีข้อเสนอดังนี้
 

“ในการที่พวกเราเรียกร้อง ส.ส.ร.จะต้องไปเรียกร้องผ่านการเลือกตั้งที่จะมี ซึ่งการเลือกตั้งครั้งต่อไป มันไม่ใช่เป็นการเลือกตั้ง สส. มาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ต้องเป็นการเลือกตั้ง สส.จำนวน 500 คน มาร่างรัฐธรรมนูญ ผมก็เชื่อว่าโดยหลักการเมื่อประชาชนทั้งประเทศรู้ว่า มีรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดจัดทำใหม่ เกิดขึ้นมาแทนรัฐธรรมนูญปี 60 แล้ว ในสมัยหน้า สส.ก็เป็นชุดที่ 26 ก็ควรจะยุบสภา แล้วก็ให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตามรัฐธรรมนูญใหม่” 
 

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ

 

“ดังนั้นผู้ที่จะมาเป็น สส.ในครั้งนี้ คุณจะต้องไปประกาศให้ประชาชนได้รับรู้ว่า คุณจะมาจัดทำรัฐธรรมนูญ ที่จะมาแบ่งปันอำนาจ แบ่งปันทรัพยากร แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ กระจายอำนาจ หรือสิทธิต่างๆ มากมายอย่างไร เพื่อจะให้สิ่งต่างๆ นั้นเป็นหลักประกันของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ต่อไปนี้ความเหลื่อมล้ำ และความยากจนจะต้องเป็นศูนย์ คนจะต้องมีกรรมสิทธิ์ที่ดินทำกิน”
 

“เหมือนที่เราไปฟังนักวิจัยเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญจัดทำใหม่ที่ยั่งยืน รายงานก็บอกว่าในหลายประเทศอย่างเช่น ฟินแลนด์ เขายังมีพื้นที่ให้คนทุกคนเข้าไปยังที่สาธารณะไปเก็บเบอร์รี หรือคิวบายังต้องมีที่ดินให้ประชาชน เกษตรกรต้องมีที่ดินทำกินโดยไม่ต้องยากไร้ ไม่ต้องมาสงสารก่อนแล้วค่อยไปสงเคราะห์ อย่างนี้เป็นต้น”

 

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ผมเห็นว่า เมื่อกระบวนการรัฐธรรมนูญเป็นเป้าหมายสุดท้าย ผมเชื่อว่าถ้าพวกเราจะไปสมัครรับเลือกตั้ง หรือพรรคการเมืองต่างๆ จะไปสมัครรับเลือกตั้ง ต้องไปหาผู้สมัครที่ไม่ใช่เป็นนักซื้อเสียง ไม่ครอบงำประชาชน แต่คนๆ นี้จะต้องมาทำหลักเกณฑ์ของประเทศที่ยิ่งใหญ่ ก็คือมาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ ดังนั้นความกังวลที่ว่า จะต้องมี ส.ส.ร.หรือไม่มีนั้น เมื่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะเลือกคนที่มาร่างรัฐธรรมนูญแล้ว ท่านอย่าไปดูถูกประชาชน ดังนั้นผมจึงเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ว่าไม่เห็นด้วยกับจำนวนผู้สมัครเข้ามาร่าง และเราจะแบ่งเป็น 2 ชุด คือ ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ กับผู้รับฟังความคิดเห็น ชุดละ 35 คน แต่ผมขอ 10 หยิบ 1 ผมขอเป็น 70 คน  อย่างน้อยที่สุด ประชาชนเขาได้เลือกตั้ง”
 

“อย่างเช่น พรรคประชาชาติ ขณะเลือกตั้ง อ.วันนอร์ เป็นหัวหน้าพรรค (นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา) ถ้าผม 10 หยิบ 1 ผมได้มา 9 คน อาจจะปัดเศษเป็น 1 คน พรรคผมก็ต้องหาคนที่เก่งที่สุด ที่จะทำให้ประชาชนลดความเหลื่อมล้ำ ลดการกดทับ แล้วทำให้คนในพื้นที่ดีขึ้น มาเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญ แต่พอ 20 หยิบ 1 นั้น ผมเองไม่ค่อยมั่นใจ”
 

“แล้วอย่างไปดูถูกประชาชน เมื่อประชาชนเลือกท่านมาหาผู้ที่จะมาร่างรัฐธรรมนูญ แล้วผู้ที่จะมาร่างรัฐธรรมนูญ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งว่า จะต้องแสดงวิสัยทัศน์ว่าคุณเคยทำงานวิจัย คุณเคยศึกษาแล้ว รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีอะไร รวมทั้งให้ประชาชนรับรอง แล้วก็ถูกตีพิมพ์อันนี้ เป็นต้น”
 

“หลักการนี้ดีแล้ว และคณะกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็น ที่เสนอมา 35 คน ขอเพิ่มเป็น 70 คน อยากจะบอกว่า การเลือกตั้งที่จะมี ไม่ใช่การเลือกตั้ง สส. เป็นการเลือกตั้ง ส.ส.ร.มาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด”
 

อยากได้หมอ มาร่วมร่าง รธน.ด้านสาธารณสุข

 

พ.ต.อ.ทวี อภิปรายอีกมาตราหนึ่งว่า คณะกรรมาธิการได้ประชุมในมาตรา 256/4 ตอนนั้นมี 24 คน ซึ่งเห็นด้วยกับการแก้ไข 19 คน ไม่เห็นด้วย 2 คน แล้วงดออกเสียง 3 คน ซึ่งในเหตุผล ตนก็เป็นผู้หนึ่งซึ่งได้อภิปรายไป เพราะว่ามาตรา 256/3 ในกลุ่มของอาจารย์เราเขียนว่า
 

“เป็น หรือเคยเป็นผู้สอนวิชานิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ และผมก็ให้เติมวิทยาศาสตร์เข้าไป เพราะอยากให้หมอเข้ามาด้วย เพราะมีรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับเรื่องสาธารณสุข แล้วก็มีการบริหารราชการแผ่นดิน"
 

"ส่วนนักวิจัยก็เขียนว่า…เป็น หรือเคยเป็น เราต้องการจะให้อาจารย์มหาวิทยาลัย ทั้งในอุดมศึกษาที่เป็นของรัฐและเอกชน ที่เป็นนักวิจัย เพราะคนพวกนี้เขามีเสรีภาพทางวิชาการ คนเหล่านี้เขาทรงคุณค่ามาก แล้วเขาต้องใช้ความรู้ คือสิ่งที่ไม่เคยพบมาก่อนจะพบในการวิจัย สิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็มารู้โดยการวิจัย"
 

"ดังนั้นมาตรา 256/4 ใน (12)(13) เราเขียนคือเจตนาต้องการไม่ให้ข้าราชการมาเป็นกรรมการยกร่าง หรือกรรมการร่าง หรือกรรมการรับฟังความเห็น ซึ่ง 2 มาตรานี้ถ้ากฎหมายเขียนคลุมเครือ มันจะกลายเป็นสมบัติส่วนตัวของคนตีความ มันจะเป็นการละเมิดสิทธิ์เขา ผมคิดว่าการที่มายกเว้นเป็น วรรค 2 ที่ไม่ให้เอามาใช้กับ 256 (3) ข้อ ก. ก็เพื่อให้เกิดความชัดเจนแล้ว"
 

"อยากจะเรียนว่าเรื่องใหญ่ที่สุดของคนที่มาร่างรัฐธรรมนูญ ก็คือ สส.กับ สว. 700 คน ถ้าคุณไปเลือก มันต้องโทษคนเลือก จะมาโทษคนสมัครได้อย่างไร เพราะว่าคนสมัครต้องเสนอวิสัยทัศน์ว่า เขามาร่างรัฐธรรมนูญแล้ว รัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดจะเกิดเพราะเขาอย่างไร อยากอธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่าปัญหาใหญ่ก็คือ สส.กับ สว.ที่จะไปหยิบมา 20 คน คุณต้องหยิบคนที่ดีที่สุด แล้วจะมีนวัตกรรมที่ดีที่สุดมาทำรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด"
 

ควรมีผู้เชี่ยวชาญในการรับฟังความเห็น 8 ใน 35 คน
 

อีกช่วงหนึ่ง พ.ต.อ.ทวี อภิปรายตอบในมาตรา 256/9 ว่า เนื่องจาก มาตรา 256/9 จะโยงกับมาตรา 256/4 ที่เกี่ยวกับคณะกรรมาธิการรับฟังความเห็น  มาตรา 256/4 จะเขียนเงื่อนไขการเข้ามากว้างมาก เพราะต้องการผู้ที่เลือกคนก็คือ สส. กับ สว.รวม 700 คน เขาจะเลือกอย่างไร เนื่องจากว่าผู้ที่เข้ามาสมัครต้องแสดงวิสัยทัศน์ว่า คุณมีศักยภาพในการรับฟังความคิดเห็นอย่างไร นอกจากแสดงวิสัยทัศน์ยังต้องมีประชาชนรับรอง แม้แต่ตัวผมเองที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ กำหนดเงื่อนไขหนึ่งว่า ในจำนวน 35 คน ควรจะมีสัก 8 คนเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการรับฟังความเห็น
 

“แต่เมื่อได้มาดูและพิจารณาในกรอบใหญ่นั้น ถ้าทุกคนไม่เชื่อมั่นคน 700 คนที่จะไปเลือกคนมารับฟังความคิดเห็น อย่าหวังเลยว่า เราจะได้ผู้รับเลือก เนื่องจากว่าการรับฟังความคิดเห็นมันเป็นศาสตร์ เราจะพบว่าบางครั้งต้องรับฟังความคิดเห็นเชิงเนื้อหา เชิงความรู้สึก เชิงคุณค่า เชิงมนุษยวิทยา และเชิงต่างๆ ซึ่งสะท้อนกับชาติพันธุ์ เผ่าพันธุ์ หรือภาษาและความเชื่อที่แตกต่างกัน”
 

“ดังนั้นเราจึงเขียนสเปคข้างบนให้กว้าง เช่นว่า ถ้ามีคนมาสมัครสัก 10,000 คน ผมเชื่อว่า 700 คนที่เลือก เมื่อได้เห็นวิสัยทัศน์ปริญญาเอก ปริญญาโท มีผลงานมีการจัดสัมมนาระดับสหประชาชาติ หรือระดับต่างๆ ที่สะท้อนความคิดเห็นได้ คนกลุ่มนี้ใน 35 คนจะถูกเรียกมา”
 

อีกตอนหนึ่ง พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงกรณีที่มีการแปรญัตติ ให้ภิกษุสงฆ์ร่วมเสนอตัวในการยกร่างรัฐธรรมนูญได้ ว่า ตนเคยเสนอว่าไม่ควร แต่เนื่องจากว่า คนกลุ่มนี้มีความเป็นกลาง เป็นที่ศรัทธาของประชาชน แล้วความมั่นคงทางพุทธศาสนา ถ้าพุทธศาสนาเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมือง พระเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องแบบนี้มาก มันจะมีอิทธิพล เพราะบางคนไม่เชื่อด้วยเหตุผล แต่เชื่อด้วยความศรัทธา พูดอะไรก็เชื่อ ดังนั้นเราคิดว่าการรับฟังความคิดเห็น เราต้องการข้อมูลที่บริสุทธิ์ เราเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม เราต้องมีความใจกว้าง ผมอยากให้เรามองเนื้อหาเป็นสำคัญ ใครก็ได้ อดีตเขาจะเป็นอย่างไร หากปัจจุบันเขาจะทำดี ปัจจุบันและอนาคตเขาเป็นสิ่งที่เราต้องการ