
9 ธันวาคม 2568 จากกรณีที่ นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผย เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนว่า ได้สั่งยกเลิก บันทึกข้อตกลง (MOU) ระหว่างกระทรวงดีอี และ บริษัท Prime Opportunity Fund VCC Singapore และส่งหนังสือเวียนถึงกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้รับทราบ และหากมีการกระทำใดๆ ภายใต้ MOU นี้ ขอให้หน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดำเนินการแจ้งข้อมูลโดยทันที หลังจากพบเส้นทางเชื่อมโยงกระบวนการฟอกเงินดิจิทัลระดับโลก
นายไชยชนก ระบุว่า จากการตรวจสอบได้พบข้อพิรุธในหลายๆเรื่อง เช่น การจัดทำ MOU ดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2567 และมีการลงนามใน MOU วันที่ 27 มีนาคม 2567 ซึ่งใช้เวลาดำเนินการเพียง 3 วัน และพบว่าเกี่ยวโยงกับการเก็บข้อมูลสแกนม่านตา
ทั้งนี้ รายละเอียดของ MOU ที่ส่งให้กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานอัยการสูงสุดพิจารณา พบว่า ทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ตาม MOU จะเป็นของเอกชน 100% ไม่ได้ตกเป็นของรัฐบาลไทยแต่อย่างใด และขอให้มีการปรับแก้ไขให้ ทรัพย์สินทางปัญญา ต้องตกเป็นของรัฐบาลไทย
โดยกระทรวงดีอีจะตรวจสอบ และรวบรวมข้อมูลสัญญา ระหว่าง Prime Opportunity Fund VCC Singapore กับ NT เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และกำลังดำเนินการพิจารณา ทั้งในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ ภายใต้ พ.ร.ก. มาตรา 13 รวมทั้งส่งข้อมูลให้กับทาง ดีเอสไอ ,ปปง. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่า มีการนำ MOU ดังกล่าวไปใช้อย่างไรต่อไป
นอกจากนี้ยัง มีการเปิดเผยภาพขณะลงนามใน MOU ดังกล่าว เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 ที่กระทรวงดีอี โดยพบว่า มีนายประเสริฐ จันทรวงทอง รัฐมนตรีดีอีในขณะนั้น นายเบน สมิธ ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงยึดอายัดทรัพย์กว่าหมื่นล้านบาท รวมถึงบิ๊กเนมทางการเมืองคนอื่นๆ ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามใน MOU ครั้งนั้นด้วย