
5 ธันวาคม 2568 ไล่เรียง 5 ดราม่าร้อนที่ถาโถมเข้าใส่รัฐบาลเฉพาะกิจ นำโดยพรรคภูมิใจไทย ตั้งแต่เรื่องสแกมเมอร์ น้ำท่วมหาดใหญ่ สู่ดราม่างบซีเกมส์ที่ใช้ AI Gen จนถูกวิจารณ์หนัก สถานการณ์ทั้งหมดทำให้รัฐบาลเผชิญความท้าทายที่ต้องตัดสินใจครั้งใหญ่
ดราม่ารวมมิตร “ภูมิใจไทย”
อันดับ 1 ภาพถ่าย 2 แกนนำรัฐบาลคู่ “เบน สมิธ” ถูกเผยแพร่ภายหลัง นายกฯอนุทิน แถลงข่าวอายัดทรัพย์สิน “ยิม เลียก และ เบนสมิธ” กว่า 9 พันล้าน หลังพบมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายสแกมเมอร์และฟอกเงินข้ามชาติ สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความสัมพันธ์และความจริงจังในการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์
อันดับ 2 ถูกแซงเมื่อวานนี้ - ความล้มเหลวการบริหารจัดการน้ำท่วมหาดใหญ่ ทำคนตายหลักร้อย จากเหตุการณ์มหาอุทกภัยที่หาดใหญ่ ถูกวิจารณ์อย่างหนักถึงการบริหารจัดการของรัฐบาลที่ล้มเหลว ทั้งการแจ้งเตือนภัยพิบัติ การอพยพประชาชน และการให้ความช่วยเหลือที่ล่าช้า
อันดับ 3 กำลังมาแรง - ดราม่าซีเกมส์ โดยเฉพาะบริษัทที่รับงานพิธีเปิด และปัญหางบประมาณ ประเด็นนี้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่ภาพโปรโมตโปสเตอร์ต่างๆ ทำเอานักกราฟิกหลายคนทนไม่ไหว ออกมาวิจารณ์การบริหารจัดการ รวมถึงการใช้งบประมาณในการว่าจ้าง คุ้มค่าหรือไม่? พร้อมตั้งคำถามถึงงบ 8 ล้าน แต่ได้งาน AI Gen ที่ดูแล้วเหมือนคนที่เขียน Prompt ยังเขียน Prompt ไม่ค่อยจะเป็นเลย ยังไม่รวมอื่นๆ เช่น เรื่องหลอดไฟสปอตไลต์ในสนามที่ขาดไปหลายดวง งบปรับปรุงห้องน้ำ 40 ล้านบาท
อันดับ 4 รอปะทุ - ปัญหาไทย-กัมพูชา ทั้งกรณีบ้านหนองจาน - หนองหญ้าแก้ว ที่ยืดเยื้อส่อข้ามปี ยังขับไล่ชาวกัมพูชาที่รุกล้ำอธิปไตยไทยไม่สำเร็จ การต่อสู้ในเวทีโลกไม่เข้าเป้า แม้แต่เรื่องทุ่นระเบิด ที่ทหารไทยต้องสูญเสียขาเป็นขาที่ 7 แล้ว
**จับตารัฐบาลรอจังหวะเปิดฉาก แต่รอบนี้ยังไม่รับประกันผล
**กัมพูชาโหมข่าวใหม่ “นายพล สรัยดึก” ยังไม่เสียชีวิต
อันดับ 5 เงื่อนปมการเมือง - ยื่นอภิปราย VS ยุบสภา VS มายาประชามติ รัฐบาลอนุทิน อยู่บนเส้นด้ายที่ถูกกำหนดโดยข้อตกลงเฉพาะกิจ และความเปราะบางของ “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” โดยมีกลไกสำคัญตามข้อตกลงในรัฐบาลเฉพาะกิจ (MOA) คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติ , การยุบสภาและการเลือกตั้งใหม่ภายในกรอบเวลาที่กำหนด
แต่ความท้าทายเร่งด่วน คือ การถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นตัวเร่งที่อาจทำให้รัฐบาลต้องตัดสินใจยุบสภาเร็วขึ้นกว่ากำหนด
ทั้งนี้ การถูกยื่นอภิปรายฯ เป็นการวัดกำลังที่อาจทำให้รัฐบาลต้องล้มลง หากไม่ได้รับเสียงไว้วางใจเพียงพอ หรืออาจถูกเปิดโปงประเด็นดราม่าต่าง ๆ จนเกิดแรงกดดันทางการเมืองและสังคมอย่างรุนแรง
หากนายกฯ อนุทิน เห็นว่ารัฐบาลกำลังจะเผชิญความพ่ายแพ้จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การยุบสภาคือการชิงความได้เปรียบ รวมถึงหลีกเลี่ยง ความอับอายจากการถูกโหวตไม่ไว้วางใจในสภาฯ
ขณะที่ การจัดทำประชามติ เพื่อให้เกิดรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการทำประชามตินั้น ยังมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการทางกฎหมายหลายขั้นตอน และขึ้นอยู่กับความร่วมมือจากทุกฝ่ายในสภาฯ