
ตีปี๊บอีกครั้ง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 แบบแข็งกร้าว เรื่อง “บ้านหนองจาน - หนองหญ้าแก้ว” ลั่นกรอบอธิปไตยของประเทศ คือ ห้ามรุกล้ำ ห้ามย่ำยี ห้ามทำลายเกียรติภูมิ ห้ามคนไทยโดนทำร้าย
การผลักดันให้ชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว จะเสร็จทันก่อนรัฐบาลประกาศยุบสภาฯ หรือไม่นั้น นายอนุทิน บอกว่า ทางฝ่ายกองทัพดำเนินการอยู่ ไม่เกี่ยวข้องกับการยุบสภา เพราะเป็นเรื่องของความมั่นคง
ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ในวันเดียวกัน ระบุว่า ปัจจุบันดำเนินการอยู่ 3 เรื่อง คือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด , การปักหมุดชั่วคราวบ้านหนองหญ้าแก้ว-บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และ การสร้างรั้วชายแดนจันทบุรี-ตราด ซึ่งมีความคืบหน้าทุกด้าน พร้อมยืนยันว่าไทยจะไม่ยอม หากฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติการรุกล้ำอธิปไตยไทย
โดยในเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว ส่วนบ้านหนองจาน เหลืออีกบางส่วน หลังดำเนินการเสร็จแล้วจะมีการปักหมุดชั่วคราว คาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนปีใหม่ โดยได้เน้นย้ำกับหน่วยที่รับผิดชอบให้ดำเนินการให้เสร็จในเวลาใกล้เคียงกันทั้ง 2 พื้นที่ เพื่อจะได้พูดคุยกันครั้งเดียว เนื่องจากจะต้องประชุมเขตแดนร่วม (JBC) ก่อน โดยนำภาพการปักหมุดชั่วคราวไปให้พิจารณา ซึ่งไม่ใช่การกำหนดเส้นเขตแดนถาวร คณะกรรมการ JBC ไทย-กัมพูชารับรอง หลังจากนั้นจะประชุม GBC ว่า ชาวกัมพูชาที่ล้ำอธิปไตยไทยจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งการประชุมทั้ง 2 เวที คาดว่าจะเริ่มขึ้นในช่วงต้นช่วงปี 2569
ส่วนจะทันไทม์ไลน์การยุบสภาฯ ตามกำหนดเดิมในวันที่ 31 ม.ค.2569 หรือไม่นั้น บิ๊กเล็ก กล่าวว่า จะเร่งให้ทัน แต่แม้จะยุบสภา รัฐบาลรักษาการก็ดำเนินการได้ โดยเฉพาะเรื่องความมั่นคง ปัจจุบันขั้นตอนดังกล่าวเดินหน้าไปเรื่อยๆ ยังไม่มีอะไรขัดแย้ง
อย่างไรก็ดี ไทยมีความพร้อมรบ ต้องเตรียมไว้ในทุกสถานการณ์ นโยบายของฝ่ายความมั่นคงมุ่งไปสู่สันติภาพ แต่หากเกิดการรุกล้ำอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ ต้องพร้อมตลอดเวลา ประชาชนจะได้สบายใจ แต่ไม่ใช่มุ่งให้จบอย่างเดียว การกระทำใดที่กระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติไม่สามารถยอมไม่ได้ ยืนยันว่ายังไม่มีสัญญาณอะไร เพียงแต่เราระมัดระวังไว้ตลอด แม้ระดับนโยบายจะพูดคุยกันโดยตลอด แต่กำลังพลของกัมพูชาที่อยู่หน้าแนวมีการยั่วยุ ไม่มุ่งสู่แนวทางสันติภาพ เราก็ต้องเตรียมให้พร้อมตลอดเวลา
เป็นการให้สัมภาษณ์ของ นายกฯหนู กับ บิ๊กเล็ก ในห้วงที่มีความเคลื่อนไหวโจมตีว่า “ปักหมุดเสียดินแดน” ถี่ขึ้นอย่างผิดสังเกต โดยพุ่งเป้าไปที่ “บ้านหนองจาน – บ้านหนองหญ้าแก้ว” ถล่มกองทัพภาคที่ 1 หากตรวจสอบย้อนกลับพบเชื่อมกับกลุ่มการเมือง? ขณะที่ข้อเท็จจริงมีเพียง 1 เดียว
การปักหมุดชั่วคราว ไม่ใช่ “ปักปันเขตแดน” หลักเขตสมัย ร.5 (หลักเขตแดนที่ 42-43) ยังอยู่เหมือนเดิม แต่ไทยกับกัมพูชาลากเส้นต่างกัน เรียก “เส้นอ้างสิทธิ์” ทำให้เกิด “พื้นที่อ้างสิทธิ์”
เส้นของฝ่ายไทยเชื่อว่าไม่ล้ำ แต่เส้นของกัมพูชา “ล้ำแน่นอน” ปัญหาอ่อนไหวคือ ชาวกัมพูชาเข้ามาตั้ง “ชุมชนอ้างเป็นพลเรือน” ล้ำแดน
ดังนั้น แนวทางแก้ไขใช้กลไกเจรจาเพื่อ “ปักหมุดชั่วคราว” โดยบินสำรวจ “เส้นอ้างสิทธิ์” เหตุผลเพื่อให้ทั้งสองฝ่าย (โดยเฉพาะกัมพูชา) ยอมรับตรงกันว่า “เส้นอ้างสิทธิ์” อยู่ตรงไหน
เส้นของกัมพูชา สีแดง เส้นของไทย สีน้ำเงิน
ฝ่ายเรามั่นใจว่า เมื่อปักหมุดชั่วคราวยืนยันเส้นสีแดง จะชี้ชัดว่าชุมชนชาวกัมพูชาทั้งสองหมู่บ้านล้ำเส้นอ้างสิทธิ์สีแดงเข้ามาอีก (ลึกกว่าเส้นสีแดงที่ล้ำแดนอยู่แล้ว) เป็นความชอบธรรมของฝ่ายไทยให้อพยพชุมชนชาวกัมพูชาออกไป
ขณะที่ความคืบหน้าการปักหมุดชั่วคราวได้แล้ว 39 หมุด จากทั้งหมด 277 หมุด คิดเป็น 14.08 % โดยยืนยันไม่ใช่ปักปันเขตแดน เพราะเป็นขั้นตอนที่ต้องตกลงกันใน JBC ซึ่งเป็นเรื่องที่ยาวไกล
และวิธีการนี้ย้ำชัดว่า ไม่มีเสียดินแดน ข่าวที่ออกมาเป็นการสร้างกระแสที่ไม่ถูกต้อง
จากภาพรวมทั้งหมด ตั้งข้อสังเกตได้ว่า เป็นการปลุกกระแสรักชาติ ก่อนการเลือกตั้งในปี 2569