svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

แกะโมเดลบรรหาร-ทักษิณ ปัจจัยที่ทำให้พรรค ภท. เนื้อหอม

แกะโมเดลบรรหาร-ทักษิณ รวมเหตุผลปัจจัยที่ทำให้พรรคภูมิใจไทย เนื้อหอม มี สส.ย้ายพรรค มาซบพรรคน้ำเงินไม่ขาดสาย

โมเมนตัมการเมืองที่เอียงเข้าหาภูมิใจไทย (ภท.) อย่างชัดเจน มีเหตุปัจจัยทั้งจากตัวพรรคเอง และสภาพแวดล้อม

 

ล่าสุด 23 พฤศจิกายน 2568  การปรากฏตัวของ นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) พร้อมด้วย นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา , นายอนุรักษ์ จุรีมาศ สส.ร้อยเอ็ด , นายเสมอกัน เที่ยงธรรม สส.สุพรรณบุรี , นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์  สส.นครปฐม , นายศุภโชค ศรีสุขจร สส.นครปฐม  ณ ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เป็นสัญญาณการเมืองที่ทุกคนเซอร์ไพรส์

 

เหตุผลปัจจัยที่ทำให้ สส.พากันย้ายพรรค มาภูมิใจไทย

 

 1.ความเป็นรัฐบาล ซึ่งชัดเจนว่า นาทีนี้จนถึงเลือกตั้ง จะไม่เปลี่ยนขั้วแล้ว เพราะหากมีความเสี่ยง พร้อมยุบสภาทันที

  แกะโมเดลบรรหาร-ทักษิณ ปัจจัยที่ทำให้พรรค ภท. เนื้อหอม

 

- การเป็นรัฐบาลช่วงโค้งสุดท้ายย่อมได้เปรียบ โดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ

 

- สัปดาห์ที่จะถึงนี้ แต่งตั้งตำรวจระดับรองผู้การ ถึง ผู้กำกับการ ซึ่งทำงานสัมผัสประชาชนจริงๆ ทุกอำเภอ ตำบล

 

- วันอังคาร ประชุม ครม. แต่งตั้งผู้ว่าฯล็อตใหญ่ ล็อต 2 อีก 18 จังหวัด

 

 - เมื่อยุบสภา ก็ยังเป็น “รัฐบาลรักษาการ” ท่ามกลางอุทกภัย ภัยธรรมชาติ สามารถช่วยเหลือประชาชนได้มากกว่า สส.ที่ไม่ได้เป็นรัฐบาล หรือพรรคหน้าใหม่

แกะโมเดลบรรหาร-ทักษิณ ปัจจัยที่ทำให้พรรค ภท. เนื้อหอม

 

 2.ออร่าของ “นายกฯอนุทิน” เพราะมาดำรงตำแหน่งหลังนายกฯแพทองธาร ซึ่งถูกวิจารณ์หนัก ประกอบกับ “นายกฯหนู” เล่นเป็น และปิดจุดอ่อนเก่ง อย่างเช่น เกิดน้ำท่วมหาดใหญ่ ก็เปลี่ยนแผน ลงพื้นที่ทันที ไม่ต้องรอเจอเรื่อง USTR หยุดเจรจาภาษีทรัมป์ ก็เบี่ยงประเด็น แก้เกม ฯลฯ

 

 3.เปิดตัวทีมเศรษฐกิจ ขยายฐานเสียงของพรรค โดยเฉพาะฐานเสียงคนชั้นกลาง คนเมือง มีโอกาสได้ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่มขึ้น มีตำแหน่งปาร์ตี้ลิสต์ที่มีหวัง รองรับ “บ้านใหญ่ไหลเข้า”

 

 4.มี สว.เป็น “กองกำลัง” อันเข้มแข็ง กำหนดทิศทางการเมืองได้ และเลือกกรรมการองค์กรอิสระได้

 

เช่น ประธาน กกต.คนล่าสุด คือ กกต.ที่ สว.ชุดนี้เลือกเข้าไป และ 2 เสียงจาก 4 เสียงที่สนับสนุนให้ได้เป็นประธาน มาจาก 2 กกต.ใหม่ ที่ สว.เพิ่งเลือก ยังไม่ได้เริ่มงานเลยด้วยซ้ำ

 

 5. มี “มือที่มองไม่เห็น” คอยช่วย ทำให้บริหารจัดการทุกอย่างสะดวกโยธิน ไม่โดนนิติสงคราม

 

แกะโมเดล “บรรหาร + ทักษิณ” ทำน้ำเงินบินสูง

 

ล่าสุด ภูมิใจไทยกำลังใช้ “โมเดลบรรหาร + ทักษิณ” ระดมกลุ่มก๊วน สส. และบ้านใหญ่เข้าชายคา เพื่อเดินหน้าสู่ “พรรคอันดับ 1” หลังการเลือกตั้ง

 

โมเดลนี้ เคยทำให้ คุณบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ได้ สส.มาเป็นอันดับ 1 เอาชนะพรรคประชาธิปัตย์ ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ แบบพลิกความคาดหมาย หักปากกาเซียนมาแล้ว โดยมี “คีย์แมน” คนสำคัญ คือ คุณเสนาะ เทียนทอง นักปั้นนายกฯ

 

ต่อมา ยุคไทยรักไทย คุณทักษิณ ชินวัตร ตั้งพรรค ทีแรกจะขายนโยบาย และนักการเมืองน้ำดี แต่ คุณเสนาะ แนะนำว่า แบบนี้ไม่มีทางสำเร็จ ต้องรวมกลุ่มก๊วน สส.ดาวฤกษ์ และนักการเมืองบ้านใหญ่ ทำให้มีการระดมคนเข้าไทยรักไทย เลือกตั้งปี 2544 เกือบแลนด์สไลด์  และมาใช้กลยุทธ์ยุบรวมทุกพรรคมาอยู่ใต้ชายคาในการเลือกตั้งปี 2548 กวาด สส.ไปถึง 377 เสียง ฝ่ายค้านอภิปรายซักฟอกนายกฯไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะเสียงไม่ถึง (ต้องใช้ 125 เสียง)

 

น่าสนใจตรงที่ คุณเนวิน ชิดชอบ ผู้นำจิตวิญญาณสีน้ำเงิน เคยอยู่ทั้งพรรคเพื่อไทย ยุคคุณบรรหาร และความสำเร็จของยุคไทยรักไทยเบ่งบาน ของคุณทักษิณ วันนี้จึงนำโมเดลในอดีตมาใช้ แต่ปรับให้เหมาะกับสถานการณ์มากกว่า และรอบคอบยิ่งกว่าเดิม โดยเฉพาะการทำความตกลงกันตั้งแต่ก่อนเข้าพรรคว่า เข้าแล้วต้องทำอะไร และจะได้อะไรตอบแทน

 

ก๊วนแตกก่อนเวลา ปัญหาของพรรคจอมดูด

 

แต่ปัญหาของภูมิใจไทย ก็มีเช่นกัน เพราะหลายๆ กลุ่มก๊วนที่เข้าไป เคยเป็นศัตรูทางการเมืองกันมาก่อน เช่น

 

คุณสุชาติ ชมกลิ่น หรือ “เสี่ยเฮ้ง” บ้านใหม่ชลบุรี กับ คุณสนธยา คุณปลื้ม บ้านใหญ่เมืองชลฯ

 

คุณสุชาติ ชมกลิ่น กับกลุ่มของอดีตเลขาฯขิง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ตั้งแต่สมัยรวมไทยสร้างชาติ

 

นอกจากนั้น หากชนะเลือกตั้ง และตั้งรัฐบาลได้จริงๆ โดยที่ตัวเองได้ สส.ราวๆ 130-150 ที่นั่ง ก็ต้องตั้งรัฐบาลผสม และอาจเสียกระทรวงสำคัญให้พรรคอันดับ 2 และ 3 เช่น มหาดไทย คมนาคม ส่งผลให้ “ดีล” ที่ทำไว้กับ “บ้านใหญ่” ในวันนี้ อาจเปลี่ยนแปลงไป และเกิดปัญหาแตกร้าวได้ในอนาคต

 

ล่าสุดจึงมีข่าวว่า “บ้านใหญ่” และ “บ้านใหม่” บางหลัง อาจถอยทัพ ไปเลือกเบอร์รองอย่าง “เพื่อไทย” ซึ่งกำลังตกที่นั่งลำบาก จึงต่อรองง่ายกว่า และสามารถสร้างแต้มต่อได้มากกว่า เพราะเป็นพรรคขาลง ต่างจากภูมิใจไทยที่ต่อรองยาก เนื่องจากเป็นพรรคขาขึ้น

 

อีกพรรคหนึ่งที่กำลังมีปัญหาจาก “กระแสมีเรา ไม่มีเทา” ก็คือพรรคกล้าธรรม เนื่องจากทำให้ สส.บ้านใหญ่หลายคนชะงัก ส่งผลให้จำนวนบ้านใหญ่ไม่เป็นไปตามเป้า และหลายพื้นที่ถูกโจมตี ประชาชนส่ายหน้า โอกาสที่จะปักธงเป็นพรรคอันดับ 3 ไม่ง่ายเหมือนที่คิด