svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

สะสมทรัพย์ซบน้ำเงิน “วราวุธ” ไม่ใช่ “บรรหาร” พรรคสุพรรณไปต่อยาก

ไม่มีสิ่งใดจีรังยั่งยืน “วราวุธ” รับสภาพรักษามรดก “บรรหาร” ไว้ไม่ได้ ซุ้มนครปฐมไปน้ำเงิน ซุ้มสุพรรณอยู่ยาก

21 พฤศจิกายน 2568 สัจธรรมการเมือง วราวุธ รับความจริงรักษามรดก บรรหาร ไว้ไม่ได้ พรรคสุพรรณอยู่ยาก จำใจย้ายไปภูมิใจไทย

 

สัญญาณถดถอย เลือกตั้ง 2 สมัยหลัง ชาติไทยพัฒนาขยายพื้นที่ สส.ไม่ได้ ต้องพึ่งบ้านใหญ่นครปฐมเป็นหลัก

 

หลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 บรรหาร ศิลปอาชา ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคชาติไทย และเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2538 นั่นคือจุดสูงสุดของนักการเมืองชาวสุพรรณบุรี

 

ตัดกลับมาใน พ.ศ.ปัจจุบัน “ท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา จำใจพา สส. 10 ชีวิต ลงสมัคร สส.ในการเลือกตั้งปี 2569 ในนามพรรคภูมิใจไทย 

 

ไม่นานมานี้ “ท็อป วราวุธ” ให้สัมภาษณ์ไทยรัฐออนไลน์เกี่ยวกับอนาคตทางการเมืองของชาติไทยพัฒนา มีความตอนหนึ่งว่า

 

“กลัวเสมอกลัวสอบตก กลัวสุพรรณจะไม่เป็นหนึ่งเดียว เราก็พยายามทำทุกวิถีทาง แต่ก็พึงตระหนักอยู่เสมอว่าท้ายที่สุดแล้ว ชีวิตคนเราหรือแม้แต่ในการเมือง มันไม่มีอะไรที่ยั่งยืน”

 

“ท็อป” ยอมรับว่า ตัวเขาไม่ได้เก่งเหมือนนายบรรหาร ตำนานนายบรรหารไม่ใช่ตำนานวราวุธ

 

“วัฏจักรทางการเมือง สัจธรรมทางการเมืองก็คือว่า ไม่มีอะไรที่ค้างฟ้า” ลูกชายอดีตนายกฯบรรหาร พูดเหมือนรู้ชะตากรรมของพรรคชาติไทยพัฒนา

 

ดังที่ทราบกัน การเลือกตั้ง 2 สมัยที่ผ่านมา พรรคชาติไทยพัฒนา กลายพรรคบ้านใหญ่ 3 จังหวัดคือ สุพรรณบุรี นครปฐมและร้อยเอ็ด
 

ท็อป วราวุธ รับสัจธรรมการเมือง พรรคเล็กไปต่อยาก

พรรคบ้านใหญ่ 3 จังหวัด
 

การเลือกตั้ง สส.ปี 2566 พรรคชาติไทยพัฒนา ได้ สส.เขต 9 คน และ สส.บัญชีรายชื่อ 1 คน คือ วราวุธ ศิลปอาชา

 

สส.เขต แยกเป็นสุพรรณบุรี 5 คนคือ สรชัด สุจิตต์ ,ณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ, นพดล มาตรศรี. เสมอกัน เที่ยงธรรม และประภัตร โพธสุธน

 

นครปฐม 3 คนคือ พาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์, อนุชา สะสมทรัพย์ และศุภโชค ศรีสุขจร

 

ร้อยเอ็ด 1 คน คือ อนุรักษ์ จุรีมาศ บ้านใหญ่เมืองร้อยเอ็ด

 

การเลือกตั้งนายก อบจ.สุพรรณบุรี เมื่อต้นปี 2568 อุดม โปร่งฟ้า ได้รับเลือกเป็นนายกฯ ในเครือข่ายบ้านใหญ่สุพรรณฯ

 

ในการเลือกตั้ง สส.ปี 2566 อุดมเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ของชาติไทยพัฒนา รับผิดชอบทั้งในภาคอีสาน

 

พูดกันตรงๆ อนาคตของพรรคชาติไทยพัฒนา จะเดินเส้นทางสายไหน ต้องโฟกัสที่ซุ้มบ้านใหญ่นครปฐม เพราะหากขาดตระกูล “สะสมทรัพย์” ก็จะเหลือแค่ “พรรคสุพรรณ” ได้ สส. 5 ที่นั่ง 
 

จับตามังกรศรีประจันต์ ประภัตร จะเดินต่อแบบไหน

 

ตำนานบรรหารโมเดล
 

หากศึกษาประวัติศาสตร์การเมืองสุพรรณบุรี กว่าที่ “บรรหาร ศิลปอาชา” จะสร้างความเป็นปึกแผ่น โดยรวบรวม “ตระกูลการเมือง” ให้มาอยู่ใต้ร่มธง “พรรคชาติไทย” ก็ใช้เวลานานกว่า 20 ปี

 

ปี 2519-2526 ตำนานคู่แค้นเมืองสุพรรณ ต้องยกให้สิงห์เฒ่า ทองหยด จิตตวีระ อดีตนายกเทศมนตรีตำบลสองพี่น้อง กับสิงห์หนุ่ม (สมัยนั้น) บรรหาร ศิลปอาชา

 

“ทองหยด” เป็น สส.สมัยแรก จากการเลือกตั้ง 2500 สังกัดพรรคเสรีมนังคศิลา และได้รับเลือกตั้งต่อเนื่องอีก 5 สมัยติดต่อกัน

 

ช่วงที่ “ทองหยด” สังกัดพรรคกิจสังคม ต้องเจอคู่แข่งอย่าง “บรรหาร” จากพรรคชาติไทย ต่างฝ่ายต่างพยายามแย่งชิงความเป็นหนึ่งในเมืองสุพรรณฯ

 

สมัยหาเสียง พ.ศ.โน้น ชาวบ้านแถวสองพี่น้อง มักจะได้ยินหัวคะแนนพรรคชาติไทยท่องสโลแกนที่ว่า “อยู่กับทองหยด อดจนตาย อยู่กับบรรหาร ลูกหลานสบาย”

 

การเลือกตั้ง 2526 “บรรหาร” ในนามชาติไทย ยึดเก้าอี้ สส.สุพรรณฯ 4 ที่นั่ง เหลือ 1 ที่นั่งให้นักการเมืองหน้าใหม่ชื่อ “จองชัย เที่ยงธรรม” โดยทองหยดสอบตก

 

จองชัย เที่ยงธรรม ลงสนามในสีเสื้อพรรคกิจสังคม เป็นคู่รักคู่แค้นกับ ประภัตร โพธสุธน พรรคชาติไทย

 

“บรรหาร” จึงวาน นพ.บุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ สส.สุพรรณบุรี สมัยนั้น ไปกล่อม เฮียจองชัย มาร่วมลงเรือลำเดียวกัน

 

เลือกตั้ง 2531 จองชัย ยอมมาสังกัดพรรคชาติไทย ทำให้ บรรหาร ศิลปอาชา สามารถพัฒนาจังหวัดสุพรรณบุรีไปได้อย่างรุดหน้า เมื่อ สส.ทั้งจังหวัดล้วนสังกัดพรรคเดียวกัน

 

4 ตระกูลการเมืองสุพรรณฯ จึงแบ่งพื้นที่กันรับผิดชอบ โดยมี “บรรหาร” เป็นแม่ทัพใหญ่

 

ตระกูล “ศิลปอาชา” รับผิดชอบ อ.เมืองกาญจนบุรี และ อ.อู่ทอง

 

ตระกูล “ประเสริฐสุวรรณ” รับผิดชอบ อ.บางปลาม้า อ.สองพี่น้อง

 

ตระกูล “โพธสุธน” รับผิดชอบ อ.ศรีประจันต์ อ.สามชุก อ.ดอนเจดีย์

 

ตระกูล “เที่ยงธรรม” รับผิดชอบ อ.เดิมบางนางบวช อ.ด่านช้าง

 

เมื่อสิ้นบรรหาร ก็มีความระหองระแหงระหว่าง “จองชัย” และ “ประภัตร” แต่คุณหญิงแจ่มใส ศิลปอาชา พยายามเป็นกาวใจ ทำให้ “พรรคสุพรรณ” เดินต่อไปได้