
22 พฤศจิกายน 2568 เมื่อปี่กลองเลือกตั้งเชิดแล้ว เพราะพรรคแกนนำรัฐบาลพร้อมเลือกตั้งแบบสุดๆ ฉะนั้นโอกาสยุบสภา จึงมีได้ทุกเมื่อ (การเมืองยุคอื่น ยุบยาก เพราะพรรครัฐบาลยุบแล้วกลัวไม่ชนะ)
ฉะนั้นนาทีนี้ จึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะวิเคราะห์ “โค้งแรก” หากยุบตามแผนแรก 12-15 ธันวาคม เลือกตั้งต้นกุมภาพันธ์ 2569 ทิศทางการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร
- คะแนนนิยมเพิ่มขึ้นกว่าปี 66 ทุกภาค
- ภูมิใจไทยไม่เคยมีปรากฏการณ์แบบนี้มาก่อน เคยมีคะแนนนิยม 2-3% แล้วใช้ทรัพยากรการเมือง คอนเนคชั่นบ้านใหญ่ “ตอกเสาเข็ม”
- ปัจจุบันชื่อพรรคขายได้ "อนุทิน" ออร่าจับ ทำให้คะแนนนิยมพุ่งพรวดเกิน 10%
- ภูมิใจไทย
- ประชาธิปัตย์
- แรงสุดคือ “คนละครึ่ง”
- กระแสชาตินิยมยังมีอยู่ แม้จะกระทบบ้างจากท่าที นายอนุทิน ที่สุดท้ายไปยอมสหรัฐฯ และโดน ทรัมป์ บีบ แต่ยังไม่ร้ายแรงเท่าคลิปเสียงฮุนเซน
- ออร่าความเป็นนายกฯ ของ นายอนุทิน ถือว่าโดดเด่น
- ผลที่จะตามมา คือ ปาร์ตี้ลิสต์ 10 เก้าอี้แรก การันตีได้แน่ ส่วนเก้าอี้ที่ 10-15 มีความเสี่ยง แต่ก็มีโอกาส
- ลำดับสูงกว่า 15 ต้องลุ้นเอา
- คาดว่าบางส่วนจะเทให้ภูมิใจไทย แม้ไม่ใช่ทั้งหมด
ภาคกลาง พรรคประชาชน 46% เหลือ 28% / เพื่อไทย 22% เหลือ 8% / ภูมิใจไทย 2% ขึ้นเป็น 9%
ภาคเหนือ พรรคประชาชน 40% เหลือ 28%/ เพื่อไทย 42% เหลือ 16% / ภูมิใจไทย 2% ขึ้นเป็น 10%
ภาคอีสาน พรรคประชาชน 47% เหลือ 26% / เพื่อไทย 36%เหลือ 16%/ ภูมิใจไทย 3% ขึ้นเป็น 15%
**พรรคเพื่อไทยขาลงชัดเจน
**พรรคประชาชน แม้จะยังนำอยู่ แต่ต้องลุ้นว่าจะฟีเวอร์เหมือนปี 66 ได้หรือไม่ เหมือนตอนชู "พิธา" เป็นนายกฯ
- ต้องหาแกนนำพรรคใหม่ กว่าคนจะรู้จัก เหมือนกรณี “หัวหน้าเท้ง” เข้ามาใหม่ๆ
- กระบวนการสร้างความรู้จัก ต้องใช้เวลา 2-3 เดือน
**ถ้าโดนชี้มูลระหว่างหาเสียง จะป่วนหนักทันที กลุ่มที่เป็น FC ไม่ถาวร อายุเกิน 35 ปี อาจเปลี่ยนใจ โดยเฉพาะถ้าไม่มั่นใจหัวหน้าพรรคคนใหม่
- คดีอดีตนายกฯ ทักษิณ กระทบแรงมาก โดยเฉพาะ 2 คดีล่าสุด คือ 112 และ ภาษีหุ้นชิน
- ระส่ำหนัก
- รอความชัดเจนของ คุณหญิงพจมาน ว่าจะปล่อยมือหรือกระชับอำนาจ เพิ่มความมั่นใจ
**เชื่อว่าการยุบสภาเกิดก่อน 31 มกราคม 2569 แน่นอน
- นายกฯ อนุทิน พยายามโยนหินถามทาง โดยเฉพาะการโยนชื่อ “เอกนิติ - ศุภจี”
- ถ้ากระแสดี จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจ แม้กรณี ศุภจี อาจจะยังไม่ตกลงปลงใจ
**เช็คกระแสล่าสุด ตอบรับดี แทบไม่มีค้าน จึงมีแนวโน้มเดินหน้ายุบสภาเร็ว
- กลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้
- จำนวน สส.ไม่ต่ำกว่า 120 เสียงแน่นอน
**การเมือง “บ้านใหญ่” สำคัญมาก
**พรรคประชาชนกลับตัวแล้ว ชวน “บ้านใหญ่” ที่เป็นคนรุ่นใหม่ลง สส.บางเขตแล้ว เริ่มเปิดตัวบ้างแล้ว เช่น กาญจนบุรีเขต 1 และ โคราช ตระกูลรัตนเศรษฐ (อธิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีต รมช.คมนาคม) แต่ก็ต้องเสี่ยงกับการถูกตั้งคำถาม
อันดับ 3 น่าจะเป็นเพื่อไทย ราวๆ 70 เก้าอี้
เดิมคิดว่ากล้าธรรมจะชิงอันดับ 3 แต่โดนตีจากสีส้มหนักเรื่อง “สีเทา” ทำให้แซงเพื่อไทยไม่ได้
อันดับ 4 กล้าธรรมชิงกับประชาธิปัตย์ โดย กล้าธรรม น่าจะได้ 50 บวกลบ มีโอกาสสูงกว่าประชาธิปัตย์ เพราะกล้าธรรม ทรัพยากรแน่นมาก คอนเนคชั่นแน่นมาก
อันดับ 5 น่าจะเป็นประชาธิปัตย์ เพราะยังหาผู้สมัครแบบแบ่งเขตยาก รวมถึงแหล่งทุน
**โมเดล พรรครักประเทศไทย ของคุณชูวิทย์ เป็นพรรคที่เน้นเซกเมนต์เดียว แล้วได้ 4-5 เก้าอี้
**พลเอกรังษี เน้นเซกเมนต์ชาตินิยม น่าจะได้ 3 เก้าอี้จากปาร์ตี้ลิสต์
**กำลังจะได้ของแถม กรณี “นายกฯ อนุทิน” พลาดเรื่องกัมพูชา ทำให้คะแนนบางส่วนที่เตรียมจะเลือกภูมิใจไทย หันไปเทให้ พลเอกรังษี
- พรรค ดร.เอ้ เริ่มมีกระแสตัวบุคคล แต่ยังไม่มีตัวลง สส.เขต และคะแนนหรือกระแสที่ได้ มาจากคะแนนส่วนตัวของ ดร.เอ้ ยังไม่ใช่ชื่อพรรค
- รวมไทยสร้างชาติ กับพลังประชารัฐ น่าจะได้ สส.เข้ามาบ้าง
- ชาติไทยพัฒนา ต้องรอลุ้นยุบพรรครวมกับภูมิใจไทยหรือไม่
- พรรคโอกาสใหม่ “มูฟยาก - ขยับยาก” เพราะไม่มีกระแสเลย ต้องเร่งหาตัวบุคคลแข็งๆ ลงระบบเขต เพราะปาร์ตี้ลิสต์ได้ยาก