
7 พฤศจิกายน 2568 นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเผยเนชั่นทีวี ถึงท่าทีพรรคประชาชน ต่อกระแสข่าว พรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหลังเปิดสภาเดือนธันวาคม 2568 ซึ่งอาจทำให้ นายกฯอนุทิน ต้องชิงยุบสภาหนีการอภิปรายว่า ก่อนอื่นต้องอย่าลืมว่า เป้าหมายที่พรรคประชาชน โหวตสนับสนุนให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี คือ "เปิดทางสู่การแก้ไขรธน." ต้องบอกว่า กำลังเดินไปตามแผนการที่ พรรคประชาชน วางไว้ตามไทม์ไลน์ทุกอย่าง
แน่นอนมันดูดี เราก็ตัองมาชั่งน้ำหนักกับการที่ปล่อยให้รัฐบาลบริหารประเทศต่อไป หากเกิดความเสียหายมากเกินกว่าประเทศชาติจะยอมรับได้ หรือประชาชนยอมรับได้ เราก็ต้องมาชั่งน้ำหนักกับเรื่องนี้
"ผมคิดว่า แม้เราต้องการแก้ไขรธน.เพียงใด แต่ถ้าเรามีหลักฐานหรือข้อมูลเพียงพอหรือเชื่อได้ว่าการปล่อยให้บริหารต่อสักอีก 1เดือน จะสร้างความเสียหายมหาศาลประเทศไทย ก็คิดว่าเราอาจต้องใช้สิทธิอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่า พอมีเวลาช่วงนี้เราต้องดูสิ่งต่างๆ" เลขาธิการพรรคประชาชน ส่งซิก
นายศรายุทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่เราคาดหวังสองประการ 1. คาดหวังการแก้ไขรธน.จะเดินไปตามปกติซึ่งกำลังไปสู่ทิศทางนั้นว่าจะไปสู่ความสำเร็จ 2. คาดหวังว่านายกฯอนุทินจะดำเนินการต่างๆแสดงให้เห็นว่า นายกฯมีความมุ่งมั่นตั้งใจ ที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ตามที่เราวิพากษ์วิจารณ์ หรือได้เสนอไป
เชื่อว่า ถ้านายกฯมีความตั้งใจในการจัดการปัญหาต่างๆ ทุกอย่างจะราบรื่น และถ้านายกฯตั้งใจแก้ปัญหา คิดว่าฝ่ายค้านก็อาจไม่มีเหตุผลเพียงพอ ที่จะยื่นญัตติ อภิปรายไม่ไว้วางใจ
อย่างที่ทุกคนรู้ วันนี้เราอยากเห็นการเปิดประตูสู่การแก้ไขรธน. ดังนั้น นายกฯแสดงความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ และปัญหาต่างๆ เราให้เวลาอยู่แล้ว เพราะไทมไลน์ ได้กำหนดไว้อยู่แล้วถึงเดือนมกราคม 69
แหล่งข่าวระดับสูงจากพรรคประชาชน เปิดเผยว่า ตอนนี้ บรรดาแกนนำพรรคประชาชนได้มีการหารือและประเมินสถานการณ์ทางการเมือง หลังเปิดสภา คือ วันที่ 12 ธันวาคม ไปแล้วนั้น หาก มีความพยายามจากพรรคเพิ่อไทย ขอความร่วมมือจากพรรคประชาชน ในการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ อนุทิน คนในพรรคประชาชนจะพิจารณาอย่างไร
โดยแกนนำพรรคประชาชน ประเมินว่า ธงของพรรคประชาชน ที่ได้วางไว้ ตาม MOA กับพรรคภูมิใจไทย คือ ผลักดัน ให้มีการแก้ไขรธน. ซึ่งขณะนี้ การแก้ไขรธน. ว่าด้วยวิธีการแก้ไขรธน. ให้มีสสร. ในรูปแบบอย่างใดนั้น ได้ผ่านวาระแรกมาแล้ว และอยู่ระหว่าง การพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ฯ ซึ่งหากเดินไปตามกำหนดการ ก็ดูจะราบรื่น
แต่ในขณะเดียวกัน หากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังวันที่ 12 ธ.ค.ทันที อาจทำให้ นายกฯอนุทิน ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประเมินเกมนี้แล้ว จะไม่เป็นผลดีกับพรรคภูมิใจไทย ที่กำลังมีคะแนนนิยมอยู่ในขณะนี้ ด้วยการตัดสินใจ ยุบสภา ก่อนบรรจุระเบียบวาระ ( เมื่อประธานสภาฯ บรรจุระเบียบวาระพิจารณาญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะทำให้นายกฯ ประกาศยุบสภาฯ ไม่ได้ )
ซึ่งหาก นายกฯอนุทิน ประกาศยุบสภาฯ ย่อมส่งผลต่อ ญัตติการแก้ไขรธน. ที่อยู่ในชั้นกมธ.วิสามัญ เพราะตราบใด ที่ญัตติแก้ไขรธน. ยังไม่ผ่านวาระ 3 ญัตตินั้นก็ต้องมีอันตกไปด้วย ตามการยุบสภา แต่ละพรรค ก็เข้าสู่โหมดการเตรียมหาเสียงเลือกตั้ง และผลักดัน การแก้ไขรธน. แบบนับหนึ่งใหม่ อีกครั้ง
แหล่งข่าวพรรคประชาชน ยังได้เปิดเผยด้วยว่า มีการประเมินอีกด้วยว่า หากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยที่ นายกฯอนุทิน ไม่หนียุบสภา ขอลุยไฟ เดินหน้าต่อ พร้อมตอบข้อซักถามการอภิปราย และเมื่อถึงขั้นลงมติ สส.พรรคประชาชน จะกำหนดท่าทีอย่างไร เพราะ รัฐบาลอนุทิน เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ถึงอย่างไร เมื่อลงมติ ก็ย่อมทำให้ รัฐบาลอนุทิน ได้รับคะแนนไม่ไว้วางใจ จนต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ อยู่แล้ว
หากมาถึงสถานการณ์นั้น ก็จำเป็นต้อง มีกระบวนการเลือกนายกฯ คนใหม่ จัดตั้งรัฐบาล แถลงนโยบาย หากถึงสถานการณ์นั้นจริง เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ใคร จากพรรคใด จะมาเป็นนายกฯ และพรรคประชาชน ซึ่งมีคะแนนเสียง ที่สามารถชี้นำให้ บุคคลที่จะมาเป็นนายกฯ คนใหม่ได้ จะทำอย่างไร สถานกาณ์ดังกล่าวนี้ จึงเป็นที่น่าหนักใจของพรรคประชาชน ที่จะต้องตอบประชาชนและฝ่ายสนับสนุนอีกครั้ง จึงทำให้ พรรคประชาชน อยู่ระหว่างชั่งน้ำหนัก ในการให้ รัฐบาลอนุทิน ไปต่อ ตามไทม์ไลน์MOA หรือ จำต้องหักด้ามพร้าด้วยเข่า ยื่นญัตติอภิปราย ซึ่งมีผลเสียมากกว่าผลดีต่อพรรคประชาชน