
6 พฤศจิกายน 2568 ที่รัฐสภา ไอซ์ รักชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตั้งคำถามว่า การปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ เกี่ยวข้องอะไรกับสแกมเมอร์ ว่า ตอนนี้ทั้งประเทศเข้าใจหมดแล้ว การปลด ร.อ.ธรรมนัส ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี หรือรองนายกฯ เกี่ยวข้องอย่างไรกับการแก้ไขปัญหาสแกมเมอร์ เราไม่ได้บอกว่า ร.อ.ธรรมนัส เป็นสแกมเมอร์ แต่ทั้งประเทศเข้าใจหมดแล้วในเรื่องที่ นายรังสิมันต์ โรม และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายในสภา แต่นายกฯ ยังไม่เข้าใจเลย ตนจึงไม่แปลกใจเลยว่า การแก้ปัญหาเรื่องสแกมเมอร์ เรื่องฟอกเงิน หรือปัญหาอื่นในประเทศนี้ ถึงแก้ไม่ได้เสียที นายกรัฐมนตรียังไม่ยอมรับความจริงว่า มีปัญหานี้
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่หากจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่นายกรัฐมนตรีจะยื่นยุบสภาก่อน นางสาวรักชนก กล่าวว่า ตนไม่กังวลอะไรเกี่ยวกับนายกรัฐมนตรี แต่กังวลเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่า เรื่องสแกมเมอร์ก็เด่นชัดขึ้นมาเรื่อย ๆ จนตอนนี้เราเริ่มจะคลำหาตัวการใหญ่เจอแล้ว เราต้องจริงจังต่อกับเรื่องนี้ ตอนนี้มีนานาชาติไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ,เกาหลีใต้ และ สิงคโปร์ เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ ประกาศยึดทรัพย์ครั้งมโหฬาร มีมาตรการอะไรก็สื่อสารให้ประชาชนรู้เรื่อง แต่นายกรัฐมนตรีไทยกลับบอกว่า มาตรการก็ทำไปบ้างแล้ว แต่โปรโมทไม่เก่ง หรือไม่สื่อสาร
"คือดิฉันงง ทั้งที่เรื่องนี้ควรจะเป็นผลงานของท่าน ที่ท่านทำไปแล้วท่านช่วยบอกประชาชนหน่อยได้หรือไม่ว่า ท่านทำอะไรไปบ้าง เพราะตอนนี้พวกเรายังไม่เห็นความคืบหน้าอะไร เกี่ยวกับสแกมเมอร์เลย เราเสนอให้ท่านประกาศในที่ประชุมอาเซียนว่าจะเป็นหัวหอกในการแก้ไขปัญหา ท่านก็ไม่ทำ แล้วทุกวันนี้ท่านทำอะไรอยู่" นางสาวรักชนก กล่าว
เมื่อถามว่า หากนายกฯ ชิงยุบสภาก่อน แสดงว่ารัฐบาลอุ้มคนผิดหรือไม่ นางสาวรักชนก กล่าวว่า เราไม่ได้มีหน้าที่กังวลหรือห่วงแทนนายกรัฐมนตรี ถ้ารัฐบาลยังมีข้อกังขาเกี่ยวกับเรื่องสแกมเมอร์ แบบนี้ท่านห่วงตัวเองดีกว่า
เมื่อถามย้ำว่า หากชิงยุบสภาก่อน รัฐธรรมนูญก็ไม่ได้แก้ พรรคประชาชนเสียค่าโง่หรือไม่ นางสาวรักชนก ระบุว่า
ตนไม่คิดว่าจะเสียค่าโง่อะไร อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีรัฐบาล ที่จะอยู่ยาวต่อไปอีก 2 ปีแล้ว ถึงแม้การยุบสภาจะเกิดขึ้นภายใน 4 เดือนหรือเร็ว ๆ นี้ แต่ตนคิดว่ามันคุ้มค่าที่สุดสำหรับประชาชนแล้ว เพราะเราไม่ต้องทนอยู่กับรัฐบาลที่ไร้ความสามารถต่อไปอีก 2 ปี
เมื่อถามว่า ทำไมช่วงนี้พรรคประชาชนตรวจสอบพรรคกล้าธรรมเยอะ ทั้งที่พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคหลัก นางสาวรักชนก กล่าวว่า เราตรวจสอบทุกเรื่องมีเพื่อน สส. หลายคนออกมาพูดหลายเรื่อง เช่น นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน ที่ออกมาพูดเรื่องแร่แรร์เอิร์ธ แต่กลายเป็นว่าเรื่องหลักที่สังคมสนใจอยู่ตอนนี้ คือเรื่องสแกมเมอร์ และรัฐบาลตอบสนองได้เชื่องช้า ไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหา ตนจึงคิดว่า เป็นเรื่องที่ประชาชนอยากได้คำตอบจากรัฐบาล ประกอบกับพรรคประชาชนให้ข้อมูลได้ดี จี้ถูกจุดเลยกลายเป็นว่าทุกคนร้อนรนหมดเลย
เมื่อถามว่า ไม่ได้คุมกำเนิดพรรคกล้าธรรมใช่หรือไม่ นางสาวรักชนก กล่าวว่า คนที่คุมกำเนิดพรรคกล้าธรรมได้ดีที่สุดคือประชาชน เรามีหน้าที่เปิดโปงนำเสนอข้อมูล เอาหลักฐานที่มีกางให้ประชาชนได้ดู คนที่จะคุมกำเนิดหรือตัดสินได้คือประชาชน
เมื่อถามถึง กรณีที่ นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร และเลขาธิการพรรคกล้าธรรม ออกมาแฉเรื่องผู้ช่วย สส.พรรคประชาชน มีมูลหรือไม่นั้น นางสาวรักชนก กล่าวว่า ในพรรคกล้าธรรมหาคนทำงานจริงจังลำบาก ขนาดคนที่ได้รับมอบหมายให้มาตอบโต้กับพรรคประชาชน ก็ยังเป็นคนอย่างนายไผ่เลย ตนมีความเห็นใจในคุณภาพของบุคลากร ซึ่งหลายเรื่องที่เปิดออกมามีอยู่ใน กกต. อยู่แล้วกำลังสืบสวนสอบสวน ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง ตัวเจ้าของบัญชีเป็นคนโอนเอง ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรค ตอนนี้อยู่ในชั้น กกต.แล้วอยากจะแจ้งหรือเปิดอะไรก็เอาเลย คิดว่าถ้าพวกเราทำผิดจริงองค์กรอิสระก็ไม่เอาเราไว้อยู่แล้ว
ส่วนจะดำเนินคดีกลับหรือไม่ นางสาวรักชนก ระบุว่า ถ้าอันไหนที่เข้าข้อกฎหมาย เราก็คงจะพิจารณาดำเนินคดี แต่จริง ๆ พรรคประชาชนเรา ยึดหลักการไม่ฟ้องแก้เกี้ยว ไม่ฟ้องมั่วซั่วหรือฟ้องปิดปาก