svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

เจาะเบื้องหลัง "สว.นันทนา" โดน "สภาสูง" เชือดโชว์รายแรก

เจาะเบื้องหลัง "สว.นันทนา" โดน "สภาสูง" เชือดโชว์รายแรก จับตารอโดนดาบสองซ้ำ "เคสปลอมลายมือ สว."

29 ตุลาคม 2568 หนึ่งในเคสประวัติศาสตร์ของสภาสูงเมืองไทยนั้นบันทึกว่า 28 ตุลาคม  2568 มติที่ประชุมสว.(ใช้เสียงสามในห้าของสว.ทั้งหมดลงคะแนน)ที่ใช้เวลาพิจารณาประชุม/ประชุมลับกว่าห้าชั่วโมง

 

 

กรณีนี้นับเป็นคดีแรกของสภาสูง เกียกกายที่ชี้ว่า สว.คนนี้ขัดจริยธรรมร้ายแรงจากการบูลลี่คนอื่น!?!

(กรณีที่  นันทนาวิจารณ์การเลือก“แดง กองมา ”สว.ที่มีอาชีพขายหมู เข้ามาเป็นกมธ.พัฒนาการเมืองฯ ขณะที่เธอไม่ได้เป็นกมธ.ชุดนั้น) 


หากย้อนไปในช่วงที่ผ่านมา อย่าลืมว่านันทนาและพวก ลงแข่งขันชิงตำแหน่งหลักในสภาสูง เช่น ประธานสว./ประธานกมธ. แต่สุดท้ายนันทนาและพวกพลาดหวัง  จากนั้น นันทนากับพวก มักจะโจมตีสว.เสียงข้างมากเป็นระยะในการลงมติหลายครั้งโดยเฉพาะกรณีที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระ และขัดแย้งกันหนักตอนที่นันทนาและพวก เบรคการทำงานของสว.136คนที่โดนข้อหาฮั้วสว.แบบเนืองๆ

พิเคราะห์ ผลลงมติของที่ประชุมสว. ในวันนั้น พบว่าสภาสูงมีการลงมติสองครั้ง  โดยผลการลงมติคร้ั้งแรกคือนันทนา “ฝ่าฝืนจริยธรรมหรือไม่ ?”   พบว่า สว.เห็นด้วย 130 เสียง  ไม่เห็นด้วย 23เสียง งดออกเสียง11คน ไม่ลงคะแนน 2 คน 


คะแนนดังกล่าวนำมาสู่การลงมติครั้งที่สอง คือ นันทนา “ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่?”   พบว่า  สว.เห็นด้วย 130  เสียง ไม่เห็นด้วย 26 เสียง งดออกเสียง 11 คนไม่ลงคะแนน 2 คน

 


เท่ากับว่า ที่ประชุมสว.ชี้ว่า “นันทนาขัดจริยธรรมร้ายแรง”

”โดยขั้นตอนจากนี้ประธานสว. จะนำเรื่องส่งต่อสำนักงานป.ป.ช. วินิจฉัยและส่งให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินตามลำดับ


เวลานับจากนี้ นันทนาต้องโฟกัสการสู้คดีที่สนามบินน้ำและวงการตราชั่ง  และหากผลในชั้นป.ป.ช.และศาลในวันข้างหน้าออกมาเป็นลบ  จะทำให้ สว.ฝีปากกล้าสายสื่อ ท่านนี้ จะถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ซึ่งเป็นการลงโทษดาบแรก


แหล่งข่าวจากสว.คนหนึ่ง กล่าวว่า ”ข้อมูลในการประชุมลับกว่าห้าชั่วโมงคราวนี้ มีการอภิปราย/ถกเถียงหนัก  เพราะทราบว่าหลังจากมีผู้ร้องเรียนนันทนาเข้ามานั้น ‘พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์' รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ในฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภา ได้ให้โอกาสนันทนาชี้แจงดังนี้ 


ครั้งแรก นันทนาขอเลื่อนการชี้แจง 

ครั้งที่สองพบว่าสว.คนนี้ยังขอเลื่อนการชี้แจง

 (การเลื่อนเข้าชี้แจงสองครั้งพบว่านันทนาอ้างเหตุผลต่างๆนานา)

ครั้งที่สาม คณะกรรมการเปิดโอกาสให้ผู้ร้องเรียนและ นันทนา มาแถลงปิดสำนวน แต่วันนั้น นันทนากลับนำพยานคือ อนันตชัย ไชยเดช ทนายความ, โอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และ ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์  นักวิชาการมาขอชี้แจงกับกรรมการ

แต่ที่ประชุม มีมติไม่ให้  นันทนา นำพยานเข้าชี้แจง เพราะนันทนาขอเลื่อนการชี้แจงมาสองครั้งแล้วและล่วงเวลามาพอสมควร  และคราวนี้เป็นการประชุมลับ  เพื่อแถลงปิดสำนวนก่อนกรรมการสรุปความเห็น ดังนั้นบุคคลภายนอกไม่ควรอยู่ในที่ประชุม ทำให้นันทนาโวยวายไม่พอใจ“

ปรากฏการณ์ของนันทนาหลังทราบมติ130เสียง พบว่า  นันทนา แถลงด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า 


“มติครั้งนี้ คือ มติอัปยศที่สะท้อนให้เห็นว่าวุฒิสภาแห่งนี้ มีเจ้าของ สามารถสั่งการได้ทุกอย่างตามใบสั่ง กระบวนการพิจารณาไม่เปิดโอกาสให้ดิฉันเข้าชี้แจงหรือให้ปากคำ และเป็นการลงมติลับกว่า 130 เสียง คือความอัปลักษณ์ของการเมืองไทย ดิฉันจะไม่แตกสลาย จะไม่ยอมให้สีน้ำเงินมากินรวบประเทศไทย จะต่อสู้เพื่อให้เสียงของประชาชนไม่ถูกปิดปาก”


และ ”ผู้ที่ร้องเรียนเป็นทนายที่รับจ้างมา และได้ขอโทษแล้วว่า “อาจารย์เป็นคนดีแต่ต้องทำตามหน้าที่” และในห้องประชุมได้มีการแจกเอกสารบิดเบือนข้อเท็จจริงให้ ส.ว. อ่านก่อนลงมติ ทำไมวุฒิสภาไม่รอให้ศาลอาญาพิจารณาคดีหมิ่นประมาทในวันที่ 10 พ.ย. นี้ซึ่งเป็นคดีที่ “แดง กองมา”ส.ว. คู่กรณียื่นฟ้องตนโดยศาลจะพิจารณาว่ารับคดีหรือไม่ ขณะที่คู่กรณีเองยอมรับว่า ภูมิใจในอาชีพขายหมูและ คิดไปเองว่าถูกด้อยค่า ”


หากนันทนาบอกว่า กรณี130สว.สอยนันทนา คือ ความอัปยศ/อัปลักษณ์ของการเมืองไทย  แต่ทว่า คำกล่าวดังกล่าว อาจจะตามมาเข้าตัว นันทนา ในสถานการณ์ ที่นันทนา และพวก กระทำไว้เช่นกัน  


อย่าลืมว่า  กรณีล่าสุดที่นันทนาในฐานะแกนนำหัวหมู่ทะลวงฟัน ได้ขยับคือ รวบรวมรายชื่อ 21 สว. ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยเธอกับพวกยื่นหนังสือต่อประธานสว.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ถอดถอน

"136 สว.สายน้ำเงิน" ออกจากตำแหน่ง“กรณีเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 ” พร้อมกับขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้สว.ดังกล่าว “หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือหยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะส่วนการเห็นชอบกรรมการองค์กรอิสระ”  

 

แต่กลับพบว่า สามสว. ใน  21รายชื่อนั้นถอนตัว  โดย

คนแรกคือ  “ณัชชญ์พงศ์  วงศ์มูลาลี“แจ้งความสน.บางโพวันที่6ส.ค.2568ว่าถูกปลอมลายเซ็นและเจ้าตัวไม่ประสงค์ลงชื่อในคราวนี้


สว.คนที่สองคือ  “เดชา นุตาลัย”  ทำหนังสือบันทึกข้อความถึงเลขานุการวุฒิสภา ยืนยันว่า  “ในเอกสารคำร้องดังกล่าว ไม่ใช่ลายมือชื่อของตน และตนยังไม่เห็นรายละเอียดคำร้อง ”

และสว.คนที่สาม  ”พ.อ.หญิง ธณตศกร บุศราคม “ ได้ทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา เพื่อขอถอดถอนรายชื่อออกจากคำร้องดังกล่าวว่า “เนื่องจากเข้าใจคลาดเคลื่อนในสาระสำคัญของการร่วมเสนอชื่อในครั้งนี้”


จากสถานะผู้ร้องเรียนในการสอย 136 สว.สีน้ำเงิน    นันทนากำลังจะกลายเป็นผู้ถูกร้องที่จะสะเทือนถึงเก้าอี้สว.อีกคราว

เพราะ“การปลอมและใช้เอกสารปลอม ซึ่งเป็นเอกสารทางราชการ”นั้น นับเป็นอาญาแผ่นดินที่ยอมความไม่ได้   


หากเคสนี้ดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดและมีการวินิจฉัยออกมาจากกระบวนการยุติธรรม รับประกันล่วงหน้าว่า หลายชีวิตที่ลงชื่อพร้อมกับนันทนา คราวนั้น  ผลกระทบ คือ ต้องโทษจำคุกสถานเดียวแบบไม่มีการรอลงอาญา....

 

จนถึงนาทีนี้  นันทนา ยังไม่ได้ออกมาชี้แจง...ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร?


ท่ามกลางคำถาม  เรื่องที่เกิดขึ้น ถือเป็นการสร้างความอัปยศ และอัปลักษณ์ให้สภาสูงด้วยหรือไม่.. 

หลากหลายเหตุการณ์ที่อุบัติขึ้นในสภาสูง  ล้วนมาจากจุดแรกเริ่มในตัวที่มาของสว. จากการแบ่งกลุ่ม เลือกกันเอง  จนเข้ามาทำหน้าที่  ท่ามกลางการถูกตรวจสอบในประเด็นฮั้ว สว. จนมาถึงจุดฟาดฟันกันเองถึงปัจจุบัน