
จะไม่ถามว่า“ทำไมตอนอยู่ในตำแหน่งแต่ไม่จัดการ" แต่จะบอกว่า "ถึงโอกาสอันดีแล้วที่ท่านจะช่วยชาติ"
คือประโยคที่ นภาดา(นภาพร ) เพ็ชร์จินดา อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึง ลีลาการเดินสายออกรายการทีวี/ออนไลน์ของ“พลตำรวจเอกสุรเขษฐ์ หักพาล” เกี่ยวกับการปราบสเเกมเมอร์ในเขตประเทศเพื่อนบ้านเเละโยงใยถึงคนการเมืองในรัฐบาลนี้
คำกล่าวของ "นภาพร" ถึงอดีตรองผบ.ตร. นับว่า นภาดา เป็นนักการเมืองไม่กี่คนที่ออกมาขยับเเละกระตุ้นอดีตบิ๊กสีกากี เเบบตรงไปตรงมาที่สุด
เพราะคำว่า“เป็นโอกาสอันดีที่ท่านจะช่วยชาติ” ตีความเเบบตรงๆ เเปลว่า นภาดา ขอให้บิ๊กโจ๊กงัดหลักฐานในมือไปฟ้องร้องดำเนืนคดีเเบบไม่ต้องเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมเลยว่า“ใครมีเอี่ยวบ้าง” อย่าเดินสายออกสื่อเเสดงข้อมูลเเบบกั๊กๆ เเละปล่อยให้บ้านเมืองเสียหายไปมากกว่านี้
รัฐธรรมนูญ หมวด 4 หน้าที่ของปวงชนชาวไทย มาตรา 50 นั้น บัญญัติไว้ชัดเจนยิ่ง
ดังนั้น"บิ๊กโจ๊ก"ในฐานะคนไทยคนหนึ่งสามารถกระทำได้เลย ไม่ต้องรอการมีอำนาจหน้าที่เเต่อย่างใด
หากวิเคราะห์สิ่งที่เห็นเเละเป็นไปในปัจจุบัน โดยอิงกับข้อมูลที่อดีตรองผบ.ตร.ระบุในตอนนี้หลายคราวทำนองว่า “การปราบสเเกมเมอร์ในกัมพูชานั้นไม่ยาก หากบิ๊กโจ๊กได้กลับไปสวมเครื่องเเบบสีกากีอีกคราว จะใช้เวลาไม่กี่วันจัดการหมดทั้งในไทยเเละเพื่อนบ้าน เพราะมีช้อมูลไว้บ้างเเล้วเเละข้อมูลทั้งหมดนี้อยู่ที่ย่านปทุมวัน ”
บิ๊กโจ๊ก อ้างว่าบางประเทศไม่ร่วมมือ หลายประเทศร่วมมือในการเช็กบิลสเเกมเมอร์นั้น ก็พอฟังขึ้นบ้าง
เเต่ข้อมูลคนไทยสีเทาที่บิ๊กโจ๊กอ้างนั้น รบกวนอย่าเเทงกั๊ก โดยเฉพาะเจ็ดนักการเมืองที่มีการลือว่ามีเอี่ยวกับธุรกิจสีเทานี้ โดยลือว่าสองรมต.เเละสส.สองคนอักษรย่อ“ช.” ที่เป็นกลุ่มวัยรุ่นสร้างตัวหรือวัยรุ่น 888 ที่สื่อบางเเขนงกล่าวขานนั้น อดีตรองผบ.ตร.คนนี้บอกว่า รู้ชื่อ-สกุลของสองสส.ชุดปัจจุบันเเต่เปิดเผยไม่ได้เพราะกลัวโดนฟ้องร้อง!?!
บิ๊กโจ๊กยังเปิดเผยไว้อีกว่า 200 เส้นเงินสีเทาที่พัวพันบิ๊กตำรวจจำนวนมาก วันข้างหน้า "บิ๊กโจ๊ก"จะออกมาเปิดโปงเเละอ้างว่าข้อมูลนี้อยู่ที่ย่านปทุมวันนานเเล้วเเต่ไม่มีอะไรคืบหน้า ดังนั้น"บิ๊กโจ๊ก"จ่อจะขยับกระตุ้นเคสนี้อีกคราวในเร็วๆนี้
ลีลาเเบบนี้ไม่เรียกว่าบิ๊กโจ๊กเเทงกั๊ก/ตีปลาหน้าไซ/ปั่นราคาเเละเรียกกระเเสนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำใดได้อีก
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าคิดคือ บิ๊กโจ๊ก เย้ยว่า สร.1 คนนี้ไม่น่าจะรู้ลึกนักว่าคนไทยคนใดมีเอี่ยวกับสเเกมเมอร์เหล่านี้ การตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงานคือการซื้อเวลาเเละยังเหน็บผบ.ตร.ว่า ผบ.ตร.รู้ลึกกลับไม่ทำงานนี้จนประเทศ/คนไทยเสียหายมหาศาลสาเหตุเป็นเพราะอะไร
เพราะ “อนุทิน ชาญวีรกูล เเละพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” ก็ขยับปราบธุรกิจสีเทานี้เเบบต่อเนื่องเเละนับเป็นวาระเเห่งชาติที่พิสูจน์ฝีมือของนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 รวมทั้งวัดเรตติ้งบิ๊กต่ายไปพร้อมกัน
หากเสี่ยหนูเเละผบ.ตร.ไม่เช็กบิลให้จบเกมเร็ววันนี้ การเดิมพันชีวิตของทั้งสองคนอาจติดลบมากกว่าเเต้มบวกจากเคสดังกล่าว
หากเรื่องนี้มองเป็นสามมุมคือ มุมที่ นภาดาสะท้อน/การขยับของสส.พรรคสีส้มในวาระนี้/การเดินสายของบิ๊กโจ๊กในตอนนี้นั้น มองได้ว่า
สิ่งที่นภาดากระตุ้นเตือนคราวนี้กับจังหวะของบิ๊กโจ๊ก คือขอให้อดีตรองผบ.ตร.เปิดเผย/ทำความจริงให้ปรากฏเเละปลุกคนไทยให้รับรู้เต็มร้อยดีกว่าปล่อยของเเทงกั๊กเยี่ยงนี้
ส่วนสส.พรรคสีส้มที่ตอนนี้ดาหน้ากันเเสดงความเห็นการจัดการเช็กบิลธุรกิจสีเทาดังกล่าวเเละชีัเป้าว่าใครมีเอี่ยวบ้าง บวกกับการโยนบาปว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องละเลย/อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเงินสีเทาเหล่านี้เเบบมหาศาลหรือไม่นั้น
มีคำถามว่าการเปิดโปงหลายวาระของสส.พรรคสีส้มนั้นมีประโยชน์ เเต่บางคราวสส.ชาวสีส้มก็กล่าวหาผู้อื่นเเบบไร้หลักฐานจนโดนฟ้องร้องกันเเบบจุกๆไปเเล้วเพราะพยานหลักฐานไม่ชัดเเจ้ง/กล่าวอ้างลอยๆ
เเละขอถามว่า ทำไมสส.พรรคประชาชนไม่ไปท้กท้วงเเละติติงอดีตรองผบ.ตร.บ้างว่า หลายปีที่เเล้วภารกิจตามโจ๊กอ้างว่าเคยดูเเลเรื่องนี้มาตลอดนั้น ทำไมวันนั้นอดีตรองผบ.ตร.ไม่จัดการให้สะเด็ดน้ำทั้งๆที่ช่วงนั้นบารมีเบ่งบานเต็มที่เพราะบิ๊กโจ๊กมี3ป.เเบ็กอัพการทำงานให้ทุกวาระ
อีกหนึ่งคำถามที่สังคมสงสัยคือ หากบิ๊กโจ๊ก อ้างว่าติดตามเช็กบิลธุรกิจสีเทาเหล่านี้อยู่ ทำไมวันนี้อดีตรองผบ.ตร.กับพวก จึงมีคดีพัวพันเงินจากเว็บพนันออนไลน์/บัญชีม้าเเละโดนไล่ออกจากราชการ!?!
สามมุมนี้ทิ้งไว้ให้คนไทยช่วยกันไขคำตอบว่า อะไรคือความจริงที่ควรปรากฏ อะไรคือมายาที่ปั่นกระเเสในยามนี้กันเเน่....